วันนี้ (24 พ.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วาฬบูรด้าตัวนี้มีขนาดตัว ยาว 13 เมตร 80 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1 เมตร 50 เซนติเมตร เพศเมีย ซึ่งได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และสัตวแพทย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ถึงร่องรอยที่พบบนซาก ดังนี้
รอยแผลถูกกัดแทะ กระจายอยู่ทั่วลำตัว บาดแผลไม่ลึกอยู่บริเวณผิวหนังชั้นนอก สัตวแพทย์ คาดว่า เกิดจากฉลามกัดแทะ ซึ่งไม่น่าจะใช่สาเหตุการตาย แต่อาจเป็นการกัดแทะหลังวาฬตัวนี้ตายประมาณ2-3 วัน
ร่องรอยต่อมา คือ รอยของโรคผิวหนัง พบกระจายตามลำตัวเช่นกัน สัตวแพทย์คาดว่าเกิดจากวาฬเป็นโรคหรือติดเชื้อจากน้ำที่ไม่สะอาด โดยระยะหลังมักพบลักษณะนี้กับวาฬตัวอื่นๆในแถบอ่าวไทยด้วย
หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่วาฬตัวนี้จะตาย เพราะกินขยะเข้าไป ปรากฎว่าเมื่อสัตวแพทย์ผ่าซากไปที่กระเพาะและลำไส้ ก็ไม่พบขยะแต่อย่างใด
ที่น่าสนใจคือร่องรอยสุดท้าย คือ รอยช้ำที่คาดว่าเกิดจากแรงกระแทกกลางลำตัว ซึ่งเมื่อสัตวแพทย์ผ่าซากเบื้องต้น ยังพบเลือดคลั่งด้านใน นอกจากนี้ ยังพบซี่โครงของมันหัก 4 ซี่ จากที่มีทั้งหมด 13 ซี่
หากวิเคราะห์ หลักฐานร่องรอยทั้งหมดที่พบขณะนี้ ร่องรอยสุดท้ายมีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะเป็นสาเหตุการตายของมัน ซึ่งคาดว่า แรงกระแทกที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากมันถูกเรือขนาดใหญ่ชน
ล่าสุด กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สรุป สาเหตุการตายของวาฬบรูด้าแล้ว ว่า ถูกเรือชน นอกจากนี้มันยังเป็นวาฬที่ป่วยจากร่องรอยโรคผิวหนังที่ปรากฎ และคาดว่าตายมาแล้ว 1 สัปดาห์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันกับตำรวจไว้แล้ว เพื่อเอาผิดกับเรือที่ชนวาฬบรูด้า เนื่องจากกวาฬบรูด้า เป็นสัตว์สงวนตัวที่ 16 ที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ.2535
