การเดินทางไปตรวจสอบข้อมูลของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีรถเมล์ NGV กรมศุลกากร มีจุดประสงค์หลักเพื่อหาที่มาของใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ที่เรียกว่า ใบ Form D ว่าเป็นเอกสารที่ออกโดยถูกต้องหรือไม่ เพราะ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้จำหน่ายรถเมล์ NGV อ้างว่าออกโดยหน่วยงานของรัฐบาลมาเลเซีย ทั้งนี้ จากกำหนดเดิมที่คณะกรรมการชุดนี้จะกลับใน 1-2 วันนี้ ถูกเลื่อนออกไป เพราะยังมีข้อมูลที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม โดยก่อนหน้านี้กรมศุลกากรไทยมีหลักฐานว่า รถเมล์ NGV มีต้นทางมาจากประเทศจีน ก่อนจะส่งต่อให้มาเลเซีย และสำแดงข้อมูลนำเข้าประเทศไทยว่าใช้อะไหล่ของมาเลเซีย ในสัดส่วน 90% ของราคารถ โดยมีเอกสาร Form D จากมาเลเซียยืนยัน ซึ่งจะทำให้รถเมล์ 489 คัน ที่จะสู่งเข้ามา ได้รับการยกเว้นภาษีตามข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน
แต่หากเป็นรถที่มาจากประเทศจีน จะต้องเสียภาษีนำเข้า 40% ซึ่งรวม 489 คัน มีมูลค่าภาษีสูงเกือบ 600 ล้านบาท รถเมล์ NGV 3 ล็อตแรก ถูกขนเข้ามาในประเทศไทยแล้ว 245 คัน และใน 2-3 วันนี้ จะมีเรือขนรถเข้ามาอีก 146 คัน เป็นล็อตที่ 4 แต่รถทั้งหมดจะต้องถูกอายัดไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องถิ่นที่มาว่ามาจากมาเลเซียตามที่สำแดงหรือมาจากจีน ข้อจำกัดนี้อาจทำให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้ประมูลโครงการจัดซื้อรถเมล์ ส่งมอบรถให้ขสมก.ในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ ไม่ทัน และอาจทำให้ผิดเงื่อนไขการประมูล และนำไปสู่การถูกยกเลิกสัญญาได้ โดยเงื่อนไขในสัญญาระบุว่าหากจัดส่งรถเมล์ไม่ทัน บริษัท เบสท์ริน จะต้องจ่ายค่าปรับให้ ขสมก. 17,000 บาท ต่อคัน/วัน
