สาเหตุที่เครือข่ายพลเมืองเน็ต พยายามสื่อสารว่า การปล่อยให้ร่างกฎหมายร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับแก้ไข มีผลบังคับใช้ ก็ไม่ต่างจากการทำซิงเกิลเกตเวย์ เพราะเนื้อหาสำคัญของกฎหมายหลายจุด ก็บังคับไปในลักษณะนั้น
อย่างเช่น มาตรา 14 วงเล็บ 1 และ 2 ที่ว่าด้วยความผิดฐานเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ มีนิยามกว้างมาก อาจส่งผลให้ประชาชนหมดสิทธิ์วิจารณ์นโยบายรัฐบาลหรือการทำงานของภาครัฐ หรือ มาตรา 15 และ 20 ก็อาจเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถสั่งผู้ให้บริการ ปิดเว็บไซต์ หรือลบข้อมูลบางอย่างได้ โดยไม่ต้องใช้คำสั่งศาล
ขณะที่มาตรา 20 ทางกลุ่มผู้คัดค้านมองว่าเป็นอีกหนึ่งมาตราที่จะทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลอาจกลายเป็นข้อมูลสาธารณะ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสได้ด้วยมาตรการทางเทคนิค ตามประกาศของกระทรวงดิจิทัล
และมาตรา 20/1 ก็มีเงื่อนไขของการปิด หรือ บล็อคเว็ปไซด์ที่ไม่ชัดเจน เช่นการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองฯ หรือ กบว.ออนไลน์ มาพิจาณาเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีหรือความสงบเรียบร้อย นั่นหมายความว่า จะมีข้อมูลจำนวนมากถูกปิดกั้น ทั้งที่ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ขัดต่อจริยธรรมและความสงบเรียบร้อยตามนิยามและคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้น
นางสาวสฤณี อาชวานันทกุล ตัวแทนเครือข่ายพลเมืองเน็ต สรุปว่า เนื้อหาเหล่านี้ มีความรุนแรงด้านการละเมิดสิทธิ์ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตไม่ต่างจากนโยบายซิงเกิลเกตเวย์ จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริง หากจะใช้คำว่า ซิงเกิลเกตเวย์คืนชีพ สวนทางกับนายกรัฐมนตรี ที่พยายามสื่อสารในลักษณะขอความร่วมมือ ไม่ให้บิดเบือนเจตนาของกฎหมายฉบับนี้ ที่จะมีไว้บังคับกับผู้กระทำความผิดเท่านั้น
สำหรับกฎหมายฉบับนี้ รัฐบาลแสดงท่าทีมาโดยตลอดว่า มีความจำเป็นต้องผลักดัน โดยมีเจตนาป้องกันการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ในลักษณะต่างๆ เช่น การก่อการร้าย การโจมตีทางไซเบอร์ ป้องกันข้อมูลผิดกฎหมาย และโดยเฉพาะการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112