นายอรรณพ บัวนวล นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ รักษาการแทนหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก เผยว่าเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ฯ ที่ ขส.6 (บางหมาน) สำรวจ “ดอกบัวผุด” บริเวณป่าสันควน พบว่าขณะนี้ดอกเริ่มบานแล้ว บัวผุด หรือ บัวตูม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ย่านต้มไก่” มีลักษณะเด่นที่ดอก เป็นดอกเดียวขึ้นจากพื้นดินมีขนาดใหญ่ มีกลิ่นเหม็นมาก และเป็นพันธุ์ไม้หายาก เป็นดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อบานเต็มที่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางวัดได้ 80 เซนติเมตร จนถึง 1 เมตรเศษ ส่วนมากดอกบัวผุดจะบานช่วงเดือน พ.ย. – พ.ค. โดยข้อควรระวังสำหรับนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาชมความสวยงามนั้น ขอให้ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของอุทยานฯ อย่างเคร่งครัด และขอให้ระมัดระวังในการเดินดูดอกบัวผุด เพราะหากเหยียบปุ่มตาของบัวผุดที่ติดอยู่กับเครือเถาวัลย์ ย่านไก่ต้ม ดอกบัวจะตายและสูญพันธุ์ได้
ถิ่นอาศัย
บัวผุด มักพบในเขตป่าดิบชื้น หรือบริเวณที่มีความชื้นสูง ที่ระดับความสูง 500-700 เมตร ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดระนอง ไปจนถึงจังหวัดนราธิวาส โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี นับเป็นสถานที่ดูบัวผุดที่สำคัญแห่งหนึ่งในเมืองไทย และยังมีรายงานว่าพบบัวผุดในบางพื้นที่ ของอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง พบบริเวณป่าดิบชื้นเหนือน้ำตกบัวสวรรค์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าบัวผุดมีการกระจายพันธุ์ไปไกล นอกจากนี้ยังพบได้ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซียอีกด้วย
สถานภาพปัจจุบัน
บัวผุด จัดเป็นพืชเฉพาะถิ่นที่หายาก และตามบัญชีของ IUCN Red data book จัดว่าเป็นพืชที่อยู่ในภาวะถูกคุกคาม ใกล้ต่อการสูญพันธุ์หรือมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้บัวผุดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ คือ
1. การทำลายป่าไม้ที่เป็นที่อยู่อาศัยของบัวผุด ทำให้สภาพนิเวศเปลี่ยนแปลง โดยในปี พ.ศ. 2529 มีการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน ทำให้พื้นที่ป่าจมน้ำ และชาวบ้านที่อพยพออกมาได้ตัดไม้ถางป่าเพื่อทำไร่ทำสวนเลี้ยงชีพ นับเป็นความเสียหายมหาศาล
2. การลักลอบเก็บดอกบัวผุดขายเพื่อใช้เป็นยาสมุนไพร โดยเชื่อว่าบัวผุดเป็นยาบำรุงสตรีหลังคลอด ทำให้มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง และยังเป็นยาบำรุงบุรุษเพศ แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่ามีสรรพคุณจริงหรือไม่จากนักเภสัชศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านบางคนตัดเถาวัลย์ที่เป็นพืชอาศัยของบัวผุดไปด้วย
3. ถูกสัตว์ป่ากัดกินดอกตูม ทำให้บัวผุดไม่มีโอกาสบานเพื่อผสมพันธุ์ต่อไป
4. การที่นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปศึกษาธรรมชาติ และเข้าไปชมบัวผุดจำนวนมาก ส่งผลให้ดินบริเวณดังกล่าวแน่นขึ้น เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตของเถาวัลย์
ขอบคุณข้อมูลจาก
- กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
- ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติ จังหวัดเพชรบุรี