นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้หยุดเรื่องการจ้างบริษัทประกันเข้ามาบริหารจัดการค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ ทั้งระบบออกไปก่อน เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งข้าราชการ และบุคลากรทางการแพทย์ไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังจะศึกษาข้อเสนอแนะของฝ่ายต่างๆ ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพื่อดูข้อดีและข้อเสียของระบบการเบิกค่ารักษาพยาบาลข้าราชการในปัจจุบัน และการว่าจ้างให้บริษัทประกันเข้ามาบริหารจัดการ ว่าวิธีใดจะดูแลการเบิกจ่ายงบประมาณได้ดีกว่ากัน
ในขณะนี้การดูแลควบคุมค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ ก็ต้องใช้วิธีปกติไปก่อน ซึ่งทางกรมบัญชีกลาง ได้มีการออกมาตรการดูแลต่อเนื่อง ซึ่งช่วยทำให้ประหยัดงบประมาณได้ระดับหนึ่ง โดยที่ผ่านมา กรมบัญชีกลาง ได้ออกมาตรการควบคุมการเบิกจ่ายค่ายา ทั้งในบัญชียาหลักและยานอกบัญชียาหลัก ให้ชัดเจนไม่ให้เกิดการรั่วไหลและเป็นการประหยัดเงินงบประมาณค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นจากปีงบประมาณ 2558 อยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท และปีงบประมาณ 2559 อยู่ที่ 7.1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้กรมบัญชีกลาง ได้กำหนดให้แพทย์ที่จ่ายยาเฉพาะโรคที่แพทย์ผู้รักษาไม่ได้มีความเชี่ยวชาญโดยตรง ต้องเขียนเหตุผลไว้ในทะเบียนประวัติของคนไข้เพื่อใช้ตรวจสอบ ในภายหลัง การกำกับการจ่ายยานอกบัญชียาหลักในการรักษาข้าราชการ จะต้องมีใบรับรองของสถานพยาบาล ระบุสาเหตุในการใช้ยานอกบัญชียาหลัก และรายชื่อของแพทย์ที่ทำการสั่งจ่ายยา จึงสามารถใช้ประกอบในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้