คนแรกที่ศาลจะไต่สวนในวันที่ 8 ก.พ. คือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ในฐานะผู้ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดี และตลอดทั้งวันนี้ จะเป็นการไต่สวนพยานฝ่ายครูจอมทรัพย์ทั้งหมด โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มพยานตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมขนส่งทางบก ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และตัวแทนจากบริษัทโตโยต้า ทั้งเป็นพยานกลุ่มใหม่ 11 คน ที่ยื่นให้ศาลไปเพิ่มเติมตั้งแต่เดือนมกราคม
ส่วนพยานกลุ่มเก่าที่ยื่นไปตั้งแต่ขั้นตอนยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดี ก็จะเป็นอีกกลุ่มซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นบุคคลทั่วไป ประกอบด้วย คนที่รับสารภาพแทนครูจอมทรัพย์อย่างนายสับ วาปี และคนที่เห็นเหตุการณ์ อย่างนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ และนางทองเรศ วงศ์ศรีชา และสุดท้ายเป็นพยานหลักฐานในกลุ่มนิติวิทยาศาสตร์ ที่จะนำรถของครูจอมทรัพย์ ทะเบียน บค 56 สกลนคร และผู้เชี่ยวชาญไปยังศาล เพื่อให้ศาลเผชิญสืบด้วย
ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมที่ช่วยเหลือทางคดีให้ครูจอมทรัพย์ ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจในน้ำหนักของพยานหลักฐานที่เตรียมไว้ เพราะทั้งหมดสามารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์ ที่มีน้ำหนักมากกว่าคำบอกเล่า และประเด็นที่จะต้องพิสูจน์ก็มีเพียงประเด็นเดียว คือ ครูจอมทรัพย์ใช้รถทะเบียน บค 56 สกลนคร ชนคนเสียชีวิต ตามข้อมูลในสำนวนคดีเดิมหรือไม่
ขณะที่ฝ่ายอัยการและตำรวจในฐานะผู้คัดค้านคำร้องขอรื้อฟื้นคดี จะมีข้าราชการ อดีตข้าราชการ และพยานบุคคล เป็นพยานปากสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่จะมาให้น้ำหนักถึงที่มาของขบวนการรับจ้างสารภาพแทน และ คนที่จะมาหักล้างคำให้การของนายสับ วาปี ที่สารภาพว่าเป็นผู้ขับรถชนคนเสียชีวิต เมื่อปี 2548
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานประกอบ เช่น รายการจดทะเบียนและเสียภาษีของรถทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ของนายสับ วาปี บันทึกหน้าจอสารบบของบริษัทประกันภัย ภาพถ่ายที่เกี่ยวข้อง และรายการบัญชีธนาคารของกลุ่มคนที่โยงใยให้การในคดีนี้ รวมพยานและหลักฐานทั้งสิ้น 42 รายการ
โดยขั้นตอนหลังศาลไต่สวนเสร็จ 3 วัน ระหว่าง 8 -10 กุมภาพันธ์ หากศาลเห็นว่า พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอหรือต้องการพยานหลักฐานชิ้นใดอีก สามารถนัดไต่สวนเพิ่มเติมได้ แต่หากศาลเห็นว่า เพียงพอแล้ว ศาลจังหวัดนครพนมในฐานะศาลชั้นต้น ก็จะสรุปความเห็นและข้อมูลจากการไต่สวนทั้งหมดส่งให้ศาลฎีกาพิพากษาว่าจะยืนตามคำพิพากษาเดิม หรือ กลับคำพิพากษาให้ครูจอมทรัพย์เป็นผู้บริสุทธิ์โดยการยกคำพิพากษาเดิม
