ศาลอุทธรณ์กลาง ในนครซานฟรานซิสโก ของสหรัฐ เริ่มการพิจารณา ว่าจะระงับคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กรณีแบนผู้ลี้ภัยและพลเมือง 7 ชาติมุสลิมไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ ต่อไปหรือไม่ โดยเป็นการฟังความจากทั้ง 2 ฝ่าย คือ กระทรวงยุติธรรม ในนามรัฐบาลสหรัฐ และฝ่ายคัดค้าน
ฝั่งรัฐบาล พยายามสร้างความชอบธรรมให้กับคำสั่งดังกล่าว โดยบอกว่า รัฐสภาสหรัฐได้ให้อำนาจประธานาธิบดีในการควบคุมว่าใครบ้างที่สามารถเข้าสหรัฐได้ พร้อมยกตัวอย่างว่า พลเมืองโซมาเลียที่อยู่ในสหรัฐส่วนใหญ่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายอัล-ชาบับ ซึ่งเป็นภัยต่อประเทศ ขณะที่ทางการรัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องรัฐบาล ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะกับนักเรียนต่างชาติ และสมาชิกครอบครัวที่ควรได้พบหน้ากัน
ประเด็นหนึ่งที่ศาลให้ความสนใจและตั้งคำถาม คือ คำสั่งดังกล่าว ซึ่งกระทบกับ 15% ของประชากรมุสลิมทั่วโลก จะเข้าข่ายกีดกันและเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิมหรือไม่ ซึ่งหากเข้าข่ายกีดกัน ก็จะขัดต่อรัฐธรรมนูญของประเทศ
ทั้งนี้ คาดว่าศาลจะมีคำพิพากษากรณีดังกล่าวภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่บรรยากาศด้านนอกศาล มีประชาชนจำนวนหนึ่งมาชุมนุมรอฟังคำตัดสิน
ด้านนายฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาในทางใด ทรัมป์ก็จะเคารพคำตัดสินนั้น อย่างก็ตาม หลายฝ่ายมองว่า ท้ายที่สุดแล้ว มีแนวโน้มว่าการต่อสู้ทางกฎหมายนี้อาจจะยืดเยื้อไปจนถึงศาลฎีกาได้