ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 จังหวัดตรัง และเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติหาดหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ร่วมกับนักดำน้ำ อาสาสมัคร ดำน้ำสำรวจแนวปะการังที่บริเวณ เกาะยูง หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการัง ที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชประกาศปิดเมื่อ กลางปี 58 โดยห้าม ทำกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ห้ามเข้าพื้นที่ หลังจากพบว่าปะการัง เสียหายจากการฟอกขาว และถูกทำลาย จากการทิ้งสมอเรือ การดำน้ำท่องเที่ยว ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง จากการดำน้ำสำรวจ พบว่าบริเวณด้านทิศตะวันออกของเกาะซึ่งเคยมีสภาพเสื่อมโทรมจากการท่องเที่ยว แนวปะการังมีการฟื้นตัว และมีสภาพสมบูรณ์ขึ้น มีปะการังวัยอ่อนขึ้นเป็นจำนวนมาก
นายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า นับเป็นตัวชี้วัดที่ดีถึงผลของการปิดพื้นที่เกาะยูง ในช่วงที่ผ่านมาโดยพบปะการังโคโลนีเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น และยังพบปะการังเขากวางเกิดใหม่ที่มีสภาพสมบูรณ์ จึงต้องปิดเกาะยูงต่อเนื่องเพื่อให้ปะการังฟื้นตัว เป็นแหล่งพ่อพันธุ์ ปะการัง และเป็นแหล่งศึกษาวิจัยปะการังของนักวิชาการเพื่อการอนุรักษ์ปะการัง
ส่วนที่จังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เข้าตรวจสอบซากโลมาเกยตื้นตาย บริเวณชายทะเลบ้านปากคลอง หลังได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยว จากการตรวจสอบพบซากโลมาอิรวดี ขนาดความยาว 1.20 เมตร ไม่ทราบเพศและอายุ ถูกคลื่นทะเลซัดมาติดชายฝั่ง จากการดูเบื้องต้นไม่พบร่องรอยหรือมีบาดแผลแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อให้มาตรวจสอบและเก็บซากโลมาเพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายต่อไป สำหรับโลมาอิรวดีที่พบเป็นตัวที่ 2 แล้วที่ขึ้นมาเกยตื้นตายในพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรี