นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างพิจารณาแล้ว จากนี้จะส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณา คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน ก่อนมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วอีก 1 ปี เพราะให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และกระทรวงมหาดไทย ได้เตรียมพร้อมการประเมินและจัดเก็บภาษีที่ดินใหม่นี้ หรือคาดว่าจะเริ่มจัดเก็บจริงเดือน ม.ค.62
สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ได้แก้ไขในส่วนของอัตราเพดานประเภทที่ดินรกร้างว่างเปล่าหรือไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์จากเดิม 5% มาเป็นเพดานไม่เกิน 2% ของฐานภาษี แต่จะมีการปรับเพิ่ม 0.5% ในทุก 3 ปี แต่ต้องไม่เกิน 5% ส่วนประเภทเกษตรกรรมมีอัตราเพดานไม่เกิน 0.2% ของฐานภาษี ด้านที่อยู่อาศัย ให้มีอัตราเพดานไม่เกิน 0.5% ของฐานภาษี และประเภทพาณิชยกรรมมีอัตราเพดานไม่เกิน 2% ของฐานภาษี
นอกจากนี้ ยังได้ออกพระราชกฤษฎีกา ลดภาษีสูงสุด 90% จากร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเดิมได้เพียง 75% จากอัตราฐานภาษี เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นทางด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และมีปัญหาท้องที่เท่านั้น และเพิ่มบทบัญญัติในร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว โดยกำหนดให้ผู้รับโอนที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างจากการขายทอดตลาดตามคำพิพากษาที่มีหนี้ค่าภาษี สามารถจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองที่ดินได้ แต่ห้ามขายห้ามโอนหากติดภาระภาษี หรือค้างชำระห้ามโอนกรรมสิทธิ์
“การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมนั้น ต้องเป็นการทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสัตว์น้ำ และกิจการอื่นตามที่รมว.คลังและรมว.มหาดไทยร่วมกันประกาศกำหนดเป็นกฎกระทรวง เมื่อร่างกฎหมายภาษีที่ดินผ่านการพิจารณาจาก สนช.แล้ว และประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะมีเวลาเตรียมตัวอีก 1 ปี ก่อนจะมีผลบังคับใช้จริง เช่น หากประกาศได้ทันในปีนี้ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ม.ค.ปี 62"
นายณัฐพร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้เร่งดำเนินการออกพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากเป็นกฎหมายที่สร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้เสียภาษี และเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตามนโยบายของรัฐบาล
