ความผูกพันที่มีกับการค้าขายในย่านวิหารพระมงคลบพิตร มาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา รวมถึงความไม่แน่นอนในพื้นที่ค้าขายใหม่ที่ไร้แรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเข้าไป กลายเป็นเหตุผลให้ผู้ค้ากว่า 30 ร้านไม่ยอมย้ายไปยังพื้นที่ใหม่ และทนขายยังจุดเดิมจนกว่าจะหมดเวลาที่หน่วยงานได้กำหนดไว้ แม้จะถูกมองว่าเป็นส่วนที่ทำให้ทัศนียภาพของโบราณสถานแห่งนี้ไม่สวยงาม แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาก็พยายามที่จะยื่นข้อเสนอกับหน่วยงานที่ดูแล ทั้งขอย้ายพื้นที่ไปในโซนที่ไม่บดบังหรือทำให้ทัศนียภาพเสียหาย แต่ก็ขอให้เป็นพื้นที่บริเวณวิหาร รวมถึงการขอชำระค่าเช่าและภาษี เฉกเช่นผู้ค้าในศาลาทรงไทย เพื่อทำการค้าขายให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้ค้าหลายราย บอกว่า เต็นท์ที่ค้าขายอยู่ในปัจจุบันเป็นเต็นท์ที่หน่วยงานได้นำมาติดตั้งไว้ให้ รวมถึงน้ำไฟที่ใช้อยู่ด้วย แต่มาวันนี้กลับมีการตัดน้ำตัดไฟ และรื้อเต็นท์ ทำให้ผู้ค้าต่างรู้สึกเสียใจ ขณะที่ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ให้เหตุผลกับทีมงานของเรา ว่าก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งผู้ค้ามาตลอดว่าเป็นการผ่อนผันให้ค้าขายชั่วคราว การตั้งเต็นท์ให้ผู้ค้าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดระเบียบพื้นที่ ในระหว่างที่กำลังจัดเตรียมพื้นที่ค้าขายใหม่ให้ผู้ค้า ซึ่งหลังจากผู้ค้าย้ายไปแล้ว พื้นที่ดังกล่าวจะมีการปรับภูมิทัศน์ให้กลับสู่สภาพเดิม เปิดพื้นที่ทางเดินที่เป็นจุดตั้งร้านค้าเก่าทำให้วิหารมีความโดดเด่นขึ้น
ทีมงานลงพื้นที่ไปยังหลังศาลากลางเก่า จุดที่ให้ผู้ค้าย้ายไปขาย พบว่า อยู่ในสภาพที่เงียบเหงามีประชาชนบางตา ซึ่งจุดดังกล่าวถูกจัดให้เป็นลานจอดรถ และจุดบริการรถรางนำเที่ยว บรรดาพ่อค้าแม่ค้า ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังย้ายมาขายกว่า 2 สัปดาห์ ยังไม่มีลูกค้า แต่ละร้านขายได้เพียงหลักร้อย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเขาคงลำบาก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับกับผลที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีทางเลือก
เบื้องต้นได้มีการยกเว้นค่าเช่าร้านกับผู้ค้าที่ย้ายมาขายหลังศาลาเก่าไปก่อนโดยไม่มีกำหนด รวมถึงค่ารถรางนำเที่ยว เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวและประชาชน ส่วนในเรื่องของการค้าขายนั้น ทางหน่วยงานจะพยายามปรับปรุงเพื่อให้ผู้ค้านั้นค้าขายได้ แต่ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นผลโดยตรงกับผู้ค้ากว่า 100 ชีวิต ที่อาจนำไปสู่ปัญหาปากท้องต่อไป