รัฐบาลอนุโลมนั่งแค็บ-ท้ายกระบะไม่เกิน 6 คน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




รัฐบาล-สตช. ถอยหลังตั้งหลัก หลังกระแสวิพากษ์ วิจารณ์สนั่น อนุโลมให้นั่งในแค็บและในท้ายกระบะได้ไม่เกิน 6 คน ด้าน นายกฯ กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่เรียกรับผลประโยชน์ใด ๆ หากประชาชน พบว่าผู้ใดพบเห็น ขอให้ถ่ายคลิปและแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันที

สุดท้ายก็ต้องถอยกลับมาตั้งหลัก หลังเกิดกระแสวิพากษ์ วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนจำนวนมาก ที่แสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วย ภายหลังเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นวันแรก ที่เริ่มบังคับใช้กฎหมายตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งให้ผู้โดยสาร คนขับรถ ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย เพื่อความปลอดภัยทุกที่นั่ง โดยเฉพาะประเด็นการห้ามนั่งท้ายรถกระบะ หรือห้ามนั่งรถกระบะที่มีแค็บบรรทุกคน หากพบเห็นจะถูกปรับทันที แบบไม่มีข้อยกเว้น

ส่งผลให้เกิดกระแสคัดค้านไม่เห็นด้วยอย่างหนักบนโลกโซลเชียล จนทำให้แฮชแท็ก #ห้ามนั่งท้ายกระบะ ผุดขึ้นมาทันที กลายเป็นแฮชแท็กยอดฮิต ต่อท้ายการแสดงความคิดเห็นติดอันดับหนึ่งของวันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของท้ายกระบะ หรือแค็บ มีไว้เพื่อตั้งวางสิ่งของเท่านั้น

เนื่องจากรถกระบะ ถือเป็นรถยนต์ในลำดับต้น ๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมซื้อมาเลือกใช้งาน สะท้อนจากยอดจดทะเบียนรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ใหม่ป้ายแดงมาจดทะเบียนทั่วประเทศ ปี 59 ถือมีสัดส่วนอยู่ในลำดับที่ 3 โดยรถกระบะมียอดจดทะเบียนกว่า 245,000 คัน

แต่ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าท้ายกระบะและแค็บ ถูกนำมาใช้บรรทุกคนจนเคยชินไปแล้ว หากจะประกาศและเริ่มใช้ทันที ดูเหมือนเป็นการหักดิบจนมากเกินไป เพราะประชาชนส่วนใหญ่ ล้วนใช้รถกระบะเช่นนี้ในการเดินทางสัญจร เมื่อมีคำสั่งว่าไม่ถูกต้อง ส่งผลให้เกิดความไม่เห็นด้วย ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างหนักจากประชาชนจำนวนมาก

แม้ท้ายรถกระบะและแค็บไม่มีอุปกรณ์ สำหรับความปลอดภัยหรือไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้คนนั่งก็ตาม แต่ที่ผ่านมาก็กลายเป็นภาพที่คุ้นชินตา เพราะไม่ว่าจะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังมาถึง ประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปท่องเที่ยวตามต่างจังหวัด ก็จะรวมตัวกันนั่งกันไป คล้ายเป็นผู้ร่วมเดินทางอยู่เสมอ จึงทำให้การบังคับใช้กฎหมายเช่นนี้ ถึงจะถูกต้อง แต่ไม่ได้ถูกใจประชาชนเลยสักนิด

เมื่อมีเสียงสะท้อนจากประชาชนจนหนาหู ทำให้ช่วงเย็นของวันที่ 5 เม.ย. สตช.จึงจัดแถลงข่าวเป็นการด่วน ด้วยเพราะรัฐบาลมอบหมายให้เร่งชี้แจงต่อพี่น้องประชาชน โดยจะอนุโลมการนั่งท้ายรถรถกระบะ และนั่งแค็บในรถยนต์ 2 ประตู ไปจนถึงช่วงหลังสงกรานต์  แต่หากพิจารณาว่ามีความจำเป็นและเดินทางไม่ไกลจะใช้การตักเตือนแทนการปรับนั้นเอง

ด้านพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาย้ำว่า รัฐบาลอยากสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับพี่น้องประชาชน กรณีการบังคับใช้กฎหมายและการผ่อนปรนเป็นบางกรณี สำหรับการใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาล เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุ โดยไม่มีเจตนาสร้างความลำบากแก่ประชาชน แต่จำเป็นต้องมีมาตรการลดอุบัติเหตุ แต่เมื่อประชาชนยังไม่พร้อม รัฐบาลจะเร่งรณรงค์สร้างความเข้าใจ และให้เวลาปรับตัวอีกระยะหนึ่ง

ส่วนการนั่งรถกระบะ ก็จะอนุโลมให้นั่งในแค็บและในท้ายกระบะได้ไม่เกิน 6 คน แต่ห้ามนั่งบนขอบกระบะหรือฝาปิดท้ายรถ พร้อมระบุว่า นายกฯ สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่เรียกรับผลประโยชน์ใด ๆ หากประชาชน พบว่าผู้ใดพบเห็น ขอให้ถ่ายคลิปและแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันที

สิ่งที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าแม้รัฐบาลและหน่วยงานรัฐ จะมีความชอบธรรมในด้านกฎหมายก็ตาม แต่การหักดิบเริ่มทันที โดยไม่ได้มีการชี้แจงหรือรณรงค์ให้ทราบล่วงหน้า ส่งผลให้เกิดเสียงสะท้อนจากประชาชน กลายเป็นกระแสด้านลบวิพากษ์ วิจารณ์จำนวนมากนั้นเอง

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ