แพทย์เตือนกินหมูดิบ เสี่ยงโรคไข้หูดับ พบสถิติปีที่แล้วผู้ป่วยสูงสุดเดือน เม.ย.


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรมควบคุมโรค เตือนเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์หลีกเลี่ยงกินหมูดิบ เสี่ยงโรคไข้หูดับ  และอาจทำให้หูหนวกถาวรหรือเสียชีวิตได้หลังข้อมูลปีที่แล้วพบป่วยสูงสุดในเดือน เม.ย.  45 ราย นอกจากนี้ยังพบว่าจากผู้ป่วยทั้งหมด เป็นผู้ป่วย

จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 3 เมษายน 2560 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หูดับแล้ว 60 ราย เสียชีวิต 3 ราย  ส่วนข้อมูลในปี 2559 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรคไข้หูดับ 300 ราย เสียชีวิต 16 ราย กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุด คือ อายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมา คือ 45-54 ปี และ 55-64 ปี ซึ่งพบว่าเป็นกลุ่มวัยทำงานและสูงอายุ รวม 83%  ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือภาคเหนือ  รองลงมา คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังพบว่าเมื่อปีที่แล้วพบผู้ป่วยสูงสุดในเดือนเมษายน 45 ราย ขณะที่ผู้ป่วยแต่ละเดือนประมาณ 10-20 ราย  ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ และพบผู้ป่วยในภาคเหนือสูงถึง 210 ราย คิดเป็น 70% ของผู้ป่วยทั้งหมด

นพ.เจษฎา  โชคดํารงสุข  อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้  ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางกลับภูมิลำเนา  เพื่อพบปะญาติพี่น้องและเพื่อนๆ  ซึ่งอาจมีการจัดเลี้ยงหรือทำอาหารรับประทานร่วมกัน ดังนั้น จึงควรระวังเรื่องการบริโภคสุกๆดิบๆ โดยเฉพาะเนื้อหมูที่ชำแหละกันเองในหมู่บ้าน และนำมากินดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบ หลู้หมูดิบ หมูกระทะปิ้งย่างไม่สุก จิ้มจุ่มที่ต้มไม่สุก เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับ หรือโรคติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส และอาจทำให้หูหนวกถาวรหรือเสียชีวิตได้


สำหรับ โรคไข้หูดับเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในกระแสเลือดของหมูที่กำลังป่วย โรคนี้สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ 1.การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อ รวมทั้งเนื้อหมู เครื่องในหมู และเลือดของหมูที่เป็นโรค โดยติดต่อสู่คนทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตา  2.การกินหมูดิบๆ หรือสุกๆดิบๆ ทั้งเนื้อ เครื่องใน และเลือด ซึ่งเชื้อจะเข้าไปทำให้เยื่อหุ้มสมอง เยื่อบุหัวใจ อักเสบ และที่สำคัญคือทำให้ประสาทหูทั้ง 2 ข้างอักเสบและเสื่อมจนหูหนวก

         
ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไข้หูดับคือ ผู้ที่สัมผัสกับหมูที่ติดโรคโดยตรง เช่น ผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู เป็นต้น กลุ่มที่เสี่ยงมีอาการป่วยรุนแรงถ้าติดเชื้อ ได้แก่ ผู้ที่ติดสุราเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ไต มะเร็ง หัวใจ  ผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคอ่อนแออยู่แล้ว  สำหรับผู้ที่ได้รับเชื้อเข้าในร่างกาย จะป่วยหลังติดเชื้อประมาณ 3-5 วัน อาการที่พบ คือไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูดับ ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือด

ขณะที่ วิธีการป้องกัน คือ 1.กินหมูสุกเท่านั้น โดยปรุงเนื้อหมูให้สุกทั่วถึงด้วยความร้อนหรือทำให้สุกจนเนื้อไม่มีสีแดง ไม่กินสุกๆ ดิบๆ และควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากตลาดสดหรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากโรงฆ่าสัตว์ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ 2.ผู้ที่สัมผัสกับหมูที่ติดโรค โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าบู๊ทยาง สวมถุงมือ รวมถึงสวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ