สำนักข่าว ยอนฮัป ของเกาหลีใต้ รายงานอ้างแหล่งข่าวรัฐบาลว่าภายในสัปดาห์หน้า สหรัฐฯ จะส่งเรือบรรทุกเครื่องบินไปประจำการอยู่ในทะเลญี่ปุ่น ถึง 3 ลำ เรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำ ประกอบด้วย ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน ที่ประจำการอยู่ที่คาบสมุทรเกาหลีตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว รวมถึง ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน และ ยูเอสเอส นิมิตส์ อีก 2 ลำ
สำหรับยูเอสเอส คาร์ลวินสัน น่าจะเดินทางถึงจุดหมายในทะเลญี่ปุ่นในวันที่ 25 เมษายนนี้ ซึ่งในวันเดียวกันนั้น คาดว่าเกาหลีเหนือจะทดสอบการยิงจรวดมิสไซล์ เพราะตรงกับวันครบรอบ 85 ปี การก่อตั้งกองทัพประชาชนเกาหลีด้วย อีกด้านหนึ่งกองทัพเรือของจีนและรัสเซียได้ส่งเรือสอดแนมไปประกบและติดตามการเคลื่อนไหวของเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ลวินสัน
สถานการณ์ความตึงเครียดรอบล่าสุดนี้ ทำให้เกิดคำถามมากมาย โดยเฉพาะความกังวลว่าโลกกำลังเคลื่อนตัวสู่ภาวะสงครามอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วหรือ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่กลับมีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกชายฝั่งประเทศคิวบา เมื่อปี 1962 วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา คือการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างสหรัฐอเมริกา กับสหภาพโซเวียต ในช่วงเวลาที่โลกระอุไปด้วยสงครามเย็น ซึ่งเกิดจากความพยายามของสหภาพโซเวียต ที่จะติดตั้งระบบยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ ที่ประเทศ คิวบา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งรัฐฟลอริด้าของสหรัฐไม่ถึง 100 ไมล์
เรือรบของสหรัฐฯ และโซเวียตเกือบถึงขั้นต้องเผชิญหน้าด้วยกำลังทหาร ซึ่งก็ไม่ต่างจากสงครามโลกครั้งที่สาม แต่การที่ครุสเชฟ ผู้นำโซเวียดตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ไปคุยกับประธานาธิบดีเคเนดี้ในนาทีสุดท้ายก่อนเรือรบจะปะทะกัน ทำให้โลกรอดจากสงครามปรมาณูไปได้อย่างหวุดหวิด
ด้วยแผนการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในเกาหลีใต้ของสหรัฐ ที่อ้างว่าเป็นการป้องกันภัยจากเกาหลีเหนือ และการส่งกองเรือรบที่มีศักยภาพทำลายล้างสูง เข้ามาในคาบสมุทรเกาหลี มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในอดีตมาก
แต่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่เป็นเรื่องยากที่จะตอบได้ เพราะว่าเราไม่สามารถคาดเดาทั้งผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือได้เลย
สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีครั้งนี้ เป็นหนังม้วนยาว ที่ยังต้องวัดกันระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือใครจะยื้อเกมจนชนะได้ ระหว่างความอดกลั้นของเกาหลีเหนือ และงบประมาณด้านการทหารของสหรัฐ เวลาและความอดทนเป็นตัวแปรที่จะชี้ชะตาของโลกทั้งใบ
