วันนี้ (20 เม.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้พิจารณาปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที ที่จะเรียกเก็บในบิลค่าไฟฟ้าประชาชนงวดใหม่ หรือ งวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 60 12.52 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าเอฟทีค่าไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.5079 บาทต่อหน่วย ซึ่งยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ถือเป็นการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าครั้งแรกในรอบ 2 ปี 7 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.ย. 57 เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าปรับราคาสูงขึ้นมาอยู่ที่ 9 บาท 35 สตางค์ต่อล้านบีทียู น้ำมันดีเซลปรับขึ้น 9 สตางค์ต่อลิตร
โดยจากคำนวณผลกระทบค่าใช้จ่ายผู้ใช้ไฟฟ้า พบว่า บ้านที่ใช้ไฟเกิน 150 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป ที่มีอยู่ประมาณ 9.5 ล้านครัวเรือน ใช้ไฟเฉลี่ย 276 หน่วยต่อเดือน ค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเดือนละ 16 บาท 50 สตางค์ ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าครัวเรือนที่ใช้ไฟต่ำกว่า 150 หน่วยต่อเดือน มีอยู่ประมาณ 16.7 ล้านครัวเรือน เฉลี่ยใช้ไฟ 37 หน่วยต่อเดือน จะต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 4 บาท
ทั้งนี้จากการคำนวณค่าเอฟทีงวดนี้จริงๆ จะต้องขึ้น 17.83 สตางค์ต่อหน่วย แต่ กกพ.ได้บริหารจัดการในด้านต่างๆ มาลดค่าเอฟทีได้อีก 4.26 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟทีขึ้นเพียง 12.57 สตางค์ต่อหน่วย
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. ประเมินว่า แนวโน้มค่าเอฟทีในงวดถัดไป หรืองวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 60 ยังมีทิศทางปรับขึ้นต่อเนื่องอีก โดยปัจจัยสำคัญ คือ ราคาก๊าซฯ ยังคงเป็นขาขึ้นเพราะราคาก๊าซจะสะท้อนราคาน้ำมันเตาย้อนหลัง 8-12 เดือน ซึ่งในช่วงนี้ราคาน้ำมันก็เป็นช่วงที่ปรับขึ้น พร้อมย้ำว่า การคำนวณค่าไฟฟ้าที่ผ่านมาได้สะท้อนตามกลไกราคาเชื้อเพลิงมาโดยตลอดเวลา ซึ่งช่วงที่ราคาพลังงานปรับตัวลดลง ค่าไฟฟ้าก็ปรับตัวลดลง ซึ่งที่ผ่านมาก็ปรับลดลงมาถึง 58 สตางค์ต่อหน่วย
