ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางการฝรั่งเศสยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยสั่งระดมตำรวจกว่า 50,000 นาย และทหารอีก 7,000 นาย ลาดตระเวนตามคูหาลงคะแนนทั่วประเทศ ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกือบ 47 ล้านคน ไปลงคะแนนได้ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 13.00 – 01.00 น. วันนี้ ตามเวลาประเทศไทย
ทั้งนี้ มาตรการคุมเข้มความปลอดภัยนี้มีขึ้นหลังเกิดเหตุร้ายหลายครั้ง รวมถึงเหตุยิงตำรวจเสียชีวิตบนถนนช็อง-เซลิเซ่ กลางกรุงปารีส เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยล่าสุด มีรายงานเหตุวุ่นวายที่สถานกงสุลฝรั่งเศส ในนครนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซึ่งใช้เป็นจุดลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีของชาวฝรั่งเศสในสหรัฐ โดยเจ้าหน้าที่ต้องสั่งอพยพเป็นการชั่วคราวเมื่อวานนี้ หลังพบยานพาหนะต้องสงสัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 50 นาที สถานการณ์จึงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และเริ่มลงคะแนนกันต่อ
ขณะที่ทั่วโลกจับตาการเลือกตั้งในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพราะจะเป็นตัวสะท้อนทิศทางการเมืองยุโรปว่าแนวคิดการเมืองฝ่ายขวาจะขึ้นมาเป็นการเมืองกระแสหลักในยุโรปได้หรือไม่ โดยการเลือกตั้งรอบแรกนี้ จะมีผู้สมัครแข่งขันกันทั้งสิ้น 11 คน และถ้าไม่มีคนไหนได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 50 ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงที่สุด 2 คน จะต้องไปลงเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 7 พ.ค. นี้
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความนิยมครั้งล่าสุด ชี้ว่าตัวเต็ง 2 อันดับแรก คือ เอ็มมานูเอล มาครง ผู้สมัครอิสระสายกลาง และนางมารีน เลอ เปน ผู้สมัครที่มีแนวคิดขวาจัด ชูนโยบายต่อต้านการรับผู้อพยพ และต้องการพาฝรั่งเศสออกจากอียู มีคะแนนเท่ากันอยู่ที่ 23%
ทั้งนี้ ประเด็นหลักๆที่ชาวฝรั่งเศสต้องการให้ผู้นำคนใหม่เร่งแก้ไข คือ ปัญหาเศรษฐกิจ รวมไปถึงเรื่องความมั่นคง โดยขณะนี้ฝรั่งเศสยังคงอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน หลังตกเป็นเป้าของการก่อการร้ายหลายครั้ง นับตั้งแต่เหตุโจมตีกรุงปารีส เมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการรับผู้ลี้ภัย ซึ่งที่ผ่านมา ฝรั่งเศสต้องรับรองผู้ลี้ภัยเกือบแสนคนที่หนีความขัดแย้งมาจากซีเรียและอิรัก ทำให้นางเลอ เปน ชูประเด็นนี้เป็นหนึ่งในนโยบายหลัก โดยระบุว่า รัฐบาลควรจัดหาตำแหน่งงาน และสวัสดิการให้ประชาชนในประเทศ ก่อนคนต่างชาติ โดยหลายฝ่ายเชื่อว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสช่วงนี้ จะยิ่งช่วยให้นางเลอ เปน มีคะแนนนิยมมากขึ้น จนอาจได้เข้าไปชิงชัยในการเลือกตั้งรอบ 2
ส่วนนายฟรองซัวส์ โอลลองด์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ตัดสินใจไม่ลงสมัครป้องกันตำแหน่งในครั้งนี้ หลังคะแนนนิยมตกต่ำ ทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ที่ไม่ลงเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2
