แคทรินา ฟง ลิม นายกเทศมนตรีเมืองดาร์วิน เมืองหลวงของรัฐนอร์ทเทิร์น เทร์ริทอรี กล่าวว่า การฆ่าจระเข้เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อควบคุมจำนวนของพวกมันที่เพิ่มมากขึ้น และการเปิดให้การล่าจระเข้เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวก็จะเป็นประโยชน์กับเจ้าของที่ดิน ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมือง
ขณะที่ มิก พิตแมน นักสตัฟฟ์สัตว์ ให้ความเห็นว่า หากมีการแก้กฎหมายอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาล่าจระเข้ได้ ก็ต้องมีกฎระเบียบที่เข้มงวด แต่คำถามก็คือ การล่าจะใช้ปืนและยานพาหนะแบบไหน ขณะที่การล่าสัตว์ในพื้นที่ที่ถูกดัดแปลงโดยมนุษย์ อาจทำให้กระสุนปืนสะท้อนหรือแฉลบได้
ส่วน คอนนี่ คูปิต กัปตันเรือพาชมจระเข้ แย้งว่า หากอยู่ดีๆจระเข้ขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ถูกยิงเข้าที่หัว ทั้งที่มันแค่นอนอยู่บนริมตลิ่งเฉยๆ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมเอามากๆ
ปีที่แล้วหน่วยงานด้านอุทยานและสัตว์ป่าของรัฐนอร์ทเทิร์น เทร์ริทอรี จับจระเข้น้ำเค็มได้ 53 ตัว และตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงตอนนี้ หน่วยงานนี้จับจระเข้ได้แล้วกว่า 114 ตัว ขณะที่รัฐบาลออสเตรเลียคาดว่าทั่วประเทศน่าจะมีจำนวนจระเข้น้ำเค็มที่ 100,000 ตัว
ก่อนหน้านี้ รัฐควีนส์แลนด์ได้พิจารณามาตรการจำกัดจำนวนจระเข้ เพื่อแก้ปัญหามนุษย์ถูกพวกมันทำร้ายจนถึงขึ้นเสียชีวิต ซึ่งหนึ่งในมาตรการดังกล่าวคือการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาล่าจระเข้เช่นกัน