ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่าจะยอมเลื่อนแผนขออนุมัติงบประมาณก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ออกไปจนถึงปลายปีนี้ เพื่อเปิดทางให้ร่างงบประมาณแผ่นดิน ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสให้ได้ทันภายในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงภาวะ Government Shutdown หรือ ภาวะที่ระบบหน่วยงานราชการหยุดชะงัก เนื่องจากไม่มีงบประมาณมาหล่อเลี้ยง
สำหรับนโยบายสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ถือเป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่ทรัมป์เคยให้สัญญาไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีก่อน โดยทรัมป์ให้เหตุผลว่า การสร้างกำแพงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยป้องกันการเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมถึงการลักลอบขนยาเสพติดบริเวณพรมแดนได้
ส่วนเรื่องงบประมาณในการสร้างกำแพง ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ยืนกรานว่าเม็กซิโกจะต้องเป็นผู้ออกเงินสร้างกำแพงทั้งหมด ล่าสุด ดูเหมือนว่าทรัมป์จะกลับลำ โดยบอกว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะต้องออกเงินสร้างกำแพงไปก่อน แล้วค่อยไปหาวิธีเรียกเก็บคืนจากเม็กซิโก ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะใช้วิธีการใด อย่างไรก็ตาม แผนนี้ดูจะไม่สำเร็จโดยง่าย เพราะฝ่ายพรรคเดโมแครตขู่จะขัดขวางร่างกฎหมายของบสร้างกำแพงที่ว่านี้ แม้จะยอมอ่อนท่าทีแล้ว แต่ทรัมป์ยืนยันว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และจะมีการสร้างกำแพงขึ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เพียงนโยบายกำแพงเม็กซิโกที่เจอกระแสต้านเท่านั้น เพราะล่าสุด มีรายงานว่า ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐ ได้มีคำวินิจฉัยให้ระงับคำสั่งพิเศษของทรัมป์ ที่บอกว่าจะไม่ให้งบสนับสนุนเมืองต่างๆที่เปิดประตูต้อนรับผู้อพยพผิดกฎหมาย โดยบอกว่า เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ