ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่ผู้เสียหายพร้อมทนายความเดินทางเข้าพบพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตามกำหนดการนัดหมายเดิม หลังประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ยื่นเรื่องขอให้รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ เพราะมีผู้ต้องหาเป็นตำรวจและผู้มีอิทธิพล จึงไม่ต้องการให้ตำรวจทำคดี
นายเกิดผล แก้วเนิด ทนายความ เปิดเผยว่า ตอนนี้แม่เด็กพอใจการทำงานของตำรวจ จึงต้องรอการตัดสินใจอีกครั้งว่า ยังต้องการให้ดีเอสไอเข้ามาทำคดีหรือไม่ โดยดีเอสไอระบุว่า อีกช่องทางหนึ่งก็สามารถทำคดีคู่ขนานสนับสนุนข้อมูลให้กับตำรวจได้ แต่จุดที่น่าสนใจ คือ ทนายและแม่เด็กได้ให้ข้อมูลกับดีเอสไอว่า มีบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นข้าราชการฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนโทรศัพท์มาเจรจาในลักษณะข่มขู่
อย่างไรก็ตาม สอดคล้องกับข้อมูลในเฟชบุ๊กของทนายความ ที่ระบุว่า กอ.รมน.แม่ฮ่องสอนต่อสายหาแม่ของผู้เสียหาย โดยจากนั้น ทั้ง 2 คน เดินทางต่อมาที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งก่อนเข้าพบให้ข้อมูลอีกครั้ง แม่ผู้เสียหายพร้อมทนายความ อ้างว่า เมื่อเช้าได้รับโทรศัพท์จากข้าราชการคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสนิทของข้าราชการระดับสูงในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งแม่ผู้เสียหายอ้างว่าปลายสายมีความพยายามจะช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องหาให้พ้นความผิด
ทั้งนี้ การถูกข่มขู่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แม่ผู้เสียหายเรียกร้องขอกลับเข้าไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองพยาน ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ส่วนจะนำผู้เสียหายมาที่กรุงเทพ หรือ จะให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปสอบปากคำที่แม่ฮ่องสอน ยังอยู่ระหว่างการหารือ
ขณะที่แนวทางขยายผลขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ย้ำเหมือนกับที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พูดไว้เมื่อวานนี้ คือ ไม่ว่าจะพบใครเกี่ยวข้องกับขบวนการ จะดำเนินคดีแน่นอน
โดยในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ถูกพาดพิงว่าเคยซื้อบริการกับขบวนการนี้ ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ สั่งรวบรวมคำให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทุกสำนัก จากนั้นจะนำข้อมูลนี้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะประเด็นที่ผู้ว่าฯระบุว่า ไม่เคยเดินทางไปในพื้นที่ใดบ้าง ซึ่งหากพบมีการให้ข้อมูลเท็จอาจต้องขอสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อขยายผลต่อไป
สำหรับสถานที่ที่คาดว่า ปคม. จะย้อนไปตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทีมข่าว PPTV ย้อนกลับไปฟังคำให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้อย่างละเอียด พบว่า มีการพาดพิงถึงที่พักแห่งหนึ่ง คือ ธนโชติรีสอร์ท ตามเบาะแสที่แม่ให้ไว้กับตำรวจ ที่นี่คือ สถานที่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่กับเด็ก
สำหรับ ธนโชติรีสอร์ทเป็นที่พักขึ้นชื่อของอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่ในตำบลจองคำ ซึ่งคาดว่า หลังจากนี้ ปคม. จะย้อนกลับไปสอบพยานและหาหลักฐานว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนไม่เคยเดินทางมาที่นี่ ตั้งแต่รับตำแหน่งจริงหรือไม่
ส่วนอีกคนที่ถูกแม่เด็กพาดพิงว่า รับเงินทำคดีและไม่ทำให้ จนคดีไม่คืบหน้า คือ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยอมรับกับ PPTV ว่า เคยรับเงินจากแม่เด็กจริง แต่ก็เป็นค่าดำเนินการปกติ เพราะตัวเองไม่ได้มีเงินทุนจากแหล่งอื่นทำงาน ที่สำคัญยังให้ข้อมูลในลักษณะปกป้องผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนปัจจุบันว่า ระหว่างที่ทำคดีจนสามารถหาหลักฐาน เตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาได้แล้ว ไม่เคยพบว่า มีรายชื่อผู้ว่าฯ คนนี้ เคยใช้บริการเด็กอย่างที่แม่กล่าวอ้าง
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวเมื่อคืนนี้ พูดคุยเรื่องนี้ โดยได้เชิญนายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวน องค์กรต่อต้านค้ามนุษย์ มาร่วมรายการ เปิดเผยว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะเกี่ยวข้องตามที่ถูกพาดพิงหรือไม่เป็นเรื่องนี้ แต่ขบวนการลักษณะนี้คือ จัดหาผู้หญิงมอบให้กับข้าราชการระดับสูง เพื่อเป็นการต้อนรับยินดี เคยพบในอีกหลายจังหวัด และถือว่าเป็นวัฒนธรรมที่น่ากลัว และแก้ไขได้ยาก เนื่องจากผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมในพื้นที่ ส่งผลให้ไม่มีใครออกมาเรียกร้อง ทางเดียวที่จะปราบปรามขบวนการนี้ได้ คือภาครัฐต้องลงโทษผู้กระทำผิด ทั้งนาย หน้า และผู้ใช้บริการ อย่างจริงจัง
ขณะที่การขยายผลทางคดี วันนี้ พล.ต.ต.ภานุเดช บุญเรือง ปฏิบัติราชการรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ในฐานะหัวหน้าคณะชุดสอบสวนคดีนี้ ที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้ง เรียกประชุมทีมงาน โดยระบุว่า แนวทางตอนนี้ คือ การรวบรวมข้อมูลคำให้การของฝั่งผู้เสียหาย ที่พาดพิงบุคคลทั้งกลุ่มแม่เล้า กลุ่มข้าราชการที่ได้รับประโยชน์ และกลุ่มข้าราชการได้ซื้อบริการ มาขยายผลเพื่อสอบปากคำพยานเพิ่มเติมและนำไปเป็นข้อมูลประกอบสำนวน
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า มีตำรวจเคยช่วยเหลือทำคดีให้กับแม่เด็กและเด็กที่ถูกบังคับค้าประเวณี เพื่อเอาผิดกับตำรวจที่หากินกับขบวนการนี้ ถูกย้ายออกจากพื้นที่ พล.ต.ต.ภานุเดช เปิดเผยว่า ยังไม่มีรายละเอียดที่แน่ชัด แต่รู้ว่า มีตำรวจ 4 นาย ออกจากพื้นที่ชั่วคราวเป็นการชั่วคราวจริง แต่ต้องตรวจสอบที่มา เพราะเกี่ยวข้องกับดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา
