ท่าทีเปิดช่องให้นำปัญหาความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา เห็นได้ชัดเจนจากหลายๆ ฝ่ายพร้อมกัน ที่ชัดเจนที่สุดก็คือบุคคลที่สั่งให้กองเรือเคลื่อนไปประจำการใกล้เกาหลีเหนือ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เมื่อวานนี้ออกมาเคลื่อนไหวกดดันให้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน มิตรหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือ แสดงบทบาทคลี่คลายปัญหานี้ ด้วยการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแบบกึ่งชมกึ่งกดดันว่า “สีจิ้นผิง คงไม่อยากเห็นความวุ่นวายและความสูญเสีย และเขาคงอยากทำอะไรสักอย่าง เพราะหากเขาไม่เคลื่อนไหวใดๆ ก็อาจจะมีการสู้รบครั้งใหญ่เกิดขึ้น”
ล่าสุด โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า ทางการจีนรับทราบถึงความต้องการของผู้นำรัฐบาลสหรัฐฯ ที่คาดหวังการแก้ปัญหาเกาหลีเหนือด้วยการเจรจาและสันติวิธีแล้ว และชื่นชมท่าทีดังกล่าว แต่ระบุว่าการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ จะทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ทวีความรุนแรงขึ้น ก่อนหน้านี้ราวสองเดือน รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน หวังยี่ ก็เคยพูดไว้เช่นกันว่า จีนไม่หมดหวังที่จะใช้วิธีเจรจาเพื่อแก้ปัญหา เพราะยังมีโอกาสที่จะกลับไปสู่โต๊ะเจรจา 6 ฝ่าย
การรื้อฟื้นวงเจรจา 6 ฝ่าย ยังถูกพูดถึงโดยสองชาติมหาอำนาจซึ่งเป็นสมาชิกในวงประชุมเช่นกัน ได้แก่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และ ชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ทั้งสองแถลงถึงเจตนารมณ์ร่วมกันในการรื้อฟื้นวงเจรจา 6 ฝ่าย เพื่อแก้ปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลี หลังพบหารือกันในวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ที่กรุงมอสโควของรัสเซีย
เมื่อประมวลท่าทีทั้งหมดนี้ อาจเรียกได้ว่าสมาชิกแทบทั้งหมดของวงเจรจา 6 ฝ่าย ที่ประกอบไปด้วย รัสเซีย ญี่ปุ่น จีน สหรัฐฯ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ต่างมองว่าถึงเวลาแล้วที่จะเปิดโต๊ะเจรจา 6 ฝ่ายขึ้นมาอีกครั้ง
สำหรับวงเจรจา 6 ฝ่าย เป็นวงประชุมที่ตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี แต่กลไกนี้หยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2009 เมื่อเกาหลีเหนือประกาศให้การเจรจาเป็นโมฆะ หลังไม่ยินยอมให้ตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ และตามมาซึ่งมาตรการคว่ำบาตรและการประณามของนานาชาติ หลังจากนั้นโสมแดงก็เดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์ถึง 4 ครั้ง และทดสอบขีปนาวุธต่อเนื่อง
วงประชุมนี้กลับมาเป็นความหวัง หลังโต๊ะเจรจาที่มีกลไกคล้ายกันอย่างวงเจรจา P5+1 ระหว่างชาติมหาอำนาจและอิหร่าน สามารถบรรลุข้อตกลงในการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน นำไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรและทำให้อิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลกได้อีกครั้ง แม้เงื่อนไขหลายอย่างจะต่างกัน แต่หลายฝ่ายก็มีความหวังจะใช้วงเจรจานี้คลี่คลายวิกฤติการณ์ที่กำลังตึงเครียดอยู่ในขณะนี้ ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายจนแก้ไขไม่ได้