พัฒนาเซนเซอร์แบบสวมได้ช่วยตรวจโรคจาก “เหงื่อ”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




นักวิจัยพัฒนาเซนเซอร์และหน่วยประมวลผลขนาดจิ๋วที่แนบชิดกับผิวหนัง สำหรับวิเคราะห์เหงื่อเพื่อตรวจโรค รวมถึงติดตามผลการใช้ยา หากทำสำเร็จจะได้เซนเซอร์ที่ช่วยประเมินได้ว่าการใช้ยาในผู้ป่วยแต่ละรายตอบสนองได้ดีแค่ไหน

เอเอฟพี รายงานว่า นักวิจัยพัฒนาเซนเซอร์ตรวจเหงื่อแบบสวมใส่ได้และมีความแม่นยำสูง ซึ่งอาจช่วยยกระดับการวินิจฉัยและการบำบัดรักษาโรคซิสติกไฟโบรซิส โรคเบาหวาน รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ โดยเซนเซอร์ตรวจเหงื่อรุ่นใหม่นี้ อาศัยเพียงการติดตามความชื้นของเหงื่อ และไม่จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยนั่งนิ่งๆ นานถึง 30 นาทีระหว่างตรวจวัด

คาร์ลอส มิลลา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านกุมารแพทย์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และเป็นผู้ร่วมวิจัยในพัฒนาเซนเซอร์นี้ กล่าวถึงการพัฒนาเซนเซอร์ตรวจเหงื่อแบบสวมใส่ชิ้นนี้ว่า “ถือเป็นก้าวกระโดด” สำหรับชุดตรวจแบบสวมใส่ได้นี้ได้รับการออกแบบโดยความร่วมมือกับทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในเบิร์กลีย์ ซึ่งประกอบด้วยเซนเซอร์แบบยืดหยุ่น และไมโครโปรเซสเซอร์ที่แนบกับผิวหนังและกระตุ้นต่อมเหงื่อ
       
เซนเซอร์จะตรวจวัดโมเลกุลและไอออนต่างๆ ที่ปรากฏในทันที โดยเหงื่อยิ่งมีคลอไรด์มากจะทำให้เกิดความต่างศักย์ทางไฟฟ้าบริเวณพื้นผิวของเซนเซอร์มากขึ้นด้วย และปริมาณคลอไรด์สูงนี้อาจจะบ่งชี้ถึงโรคซิสติกไฟโบรซิส ขณะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงนั้นเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน โดยเซนเซอร์จะส่งผลเป็นสัญญาณทางไฟฟ้าเพื่อใช้วิเคราะห์และวินิจฉัย

นอกจากนี้ นักวิจัยยังคาดหวังด้วยว่า ในวันข้างหน้าเซนเซอร์นี้อาจช่วยในการพัฒนายาและยาเฉพาะบุคคลสำหรับโรคซิสติกไฟโบรซิส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เป็นสาเหตุของการเกิดเมือกในปอดและตับอ่อน ซึ่งยากต่อการรักษา

แซม อีมามิเนจาด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในลอสแองเจลลิส กล่าวว่า ยาสำหรับรักษาโรคซิสติกไฟโบรซิสนั้นได้ผลในผู้ป่วยไม่กี่ราย พร้อมทั้งยกตัวอย่างให้เห็นภาพเมื่อให้ผู้ป่วยสวมใส่เซนเซอร์ตรวจวัดเหงื่อระหว่างการทดสอบยาระดับคลีนิค เราก็จะเห็นได้ชัดขึ้นว่าระดับไอออนคลอไรด์ของผู้ป่วยนั้นขึ้นและลงอย่างไรเมื่อตอบสนองต่อยารักษา

อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องศึกษาวิจัยอีกมากเพื่อหาคำตอบว่า เซนเซอร์ตรวจวัดเหงื่อแบบสวมใส่นี้สามารถทำงานได้อย่างคงที่จากวันหนึ่งถึงอีกวันหรือไม่ เพราะองค์ประกอบของเหงื่อในแต่ละคนนั้นเปลี่ยนแปลงได้ถี่ขึ้นอยู่กับอาหารและปัจจัยอื่นๆ นอกจากนี้นักวิจัยยังคาดหวังที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมว่า โมเลกุลใดในเหงื่อนั้นสามารถใช้สร้างขึ้นเป็นแผนที่และอาจจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากที่สุด 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ