สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้รณรงค์ล่ารายชื่อ สื่อมวลชนและประชาชนที่ไม่เห็นด้วย เพื่อเรียกร้องให้ยุติการพิจารณาออกกฎหมายดังกล่าว ผ่านเว็บไซต์ www.change.org หลังจากที่สื่อมวลชนทุกแขนงได้ร่วมกันแสดงออกถึงการคัดค้านการออกกฎหมายดังกล่าว ด้วยการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กที่ระบุข้อความ "หยุดตีทะเบียนสื่อ ครอบงำประชาชน" ที่สำคัญมีเนื้อหาขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 35 ที่ระบุว่า การลิดรอนเสรีภาพสื่อมวลชน
โดยทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และองค์กรวิชาชีพสื่ออื่นๆ ได้พยายามต่อสู้เรื่องนี้ ภายใต้อำนาจรัฐที่ต้องการควบคุมสื่อเบ็ดเสร็จเด็ดขาดการปิดข้อมูลข่าวสาร หรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนอื่น เพื่อลิดรอนเสรีภาพดังกล่าวจะกระทํามิได้
พร้อมทั้งหวังว่าให้พี่น้องประชาชนจะร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยุติการออกกฎหมายที่มีเจตนารมณ์ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพื่อปิดปากสื่อและปิดทางตรวจสอบอำนาจรัฐด้วยกฎหมายฉบับนี้
ด้านสื่อมวลชนประจำรัฐสภา ได้ออกแถลงการณ์ โดยขอให้ทาง สปท. ทบทวนถอนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมสื่อฯ ซึ่งจะเข้าสู่ที่ประชุมในวันพรุ่งนี้ โดยแถลงการณ์ระบุว่า การผลักดันกฎหมายฉบับนี้จะทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ และบุคคลที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ตกอยู่ในสภาวะถูกกำกับควบคุม และไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพได้ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยเฉพาะการให้ภาครัฐ เข้ามาเป็นคณะกรรมการสภาวิชาชีพฯ มีอำนาจให้คุณหรือให้โทษแก่ผู้ปฎิบัติหน้าที่ จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจเป็นร่างกฎหมายที่ยอมรับได้
ขณะที่ด้าน พลอากาศเอก คณิต สุวรรณเนตร ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ยืนยันว่า เนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน และในระหว่างดำเนินการพิจารณายกร่างมีนักกฎหมายคอยดูแลอยู่ ส่วนอนาคตของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ก็ให้สมาชิก สปท.ร่วมกันพิจารณาและตัดสินเป็นมติต่อไป