การเข้ามาทำงานในห้องดับจิตของผู้ถูกคุมความประพฤติจากเหตุเมาแล้วขับ และขับขี่รถโดยประมาท ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่พวกเขาต้องมาเป็นจิตอาสา ซึ่งนี่ก็เพื่อให้พวกเขาเล็งเห็นความสำคัญของชีวิตตัวเองและชีวิตคนอื่นๆ และที่สำคัญพวกเขาจะได้ไม่ไปทำผิดซ้ำสอง
อุบัติเหตุที่นำมาซึ่งความสูญเสีย หลายต่อหลายครั้งเป็นผลมาจากการขับรถของผู้ที่ดื่มสุรา และอยู่ในอาการมึนเมา ขาดสติ แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีให้เห็นเป็นอุทาหรณ์อยู่บ่อยครั้ง แต่ดูเหมือนว่าหลายคนก็ยังเพิกเฉย และกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก การจัดทำโครงการ คุมประพฤติจัดหนัก ดื่มแล้วขับ เข้าห้องดับจิตจึงเกิดขึ้น โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ให้ผู้กระทำผิดได้มีส่วนมาเป็นจิตอาสา ทำงานในห้องดับจิต เพื่อให้สัมผัสกับบรรยากาศการสูญเสีย และความโศกเศร้าที่เกิดกับคนรอบข้าง
โดยสถิติจำนวนผู้ถูกคุมประพฤติในปีนี้ พบว่ามีจำนวน 5000 กว่าราย ลดลงจากปีที่ผ่านมา 7 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่จะพบผู้ดื่มแล้วขับมากในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวกับกรมคุมประพฤติมาตั้งแต่ปี 2559 มองว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี นอกจากจะเป็นผลดีกับตัวผู้ถูกคุมประพฤติแล้ว ยังส่งผลดีกับโรงพยาบาลที่ได้มีจิตอาสาเข้ามาช่วยเหลือในแผนกต่าง ๆ อีกด้วย
ขณะที่ผู้ถูกคุมประพฤติที่เข้ามาเป็นจิตอาสาที่โรงพยาบาล ต่างมีมุมมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ต่อไปหากดื่มก็จะไม่ขับ เพราะการเข้ามาทำงานในห้องดับจิต และแผนกต่างๆ ของโรงพยาบาล ทำให้พวกเขาเกิดความตระหนัก และกลัวกับผลที่ตามมา ซึ่งอาจหมายถึงการสูญเสียชีวิต ซึ่งพวกเขาอยากฝากไปยังผู้ที่ยังมีพฤติกรรมดื่มแล้วขับ หรือขับขี่อย่างประมาท ให้คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้น และคิดถึงคนที่รอเรากลับบ้าน อย่างเช่นครอบครัวให้มาก ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจขับขี่
โครงการให้ผู้กระทำผิดที่ดื่มแล้วขับขี่ หรือขับรถอย่างประมาท มาทำงานด้านจิตอาสา ถือเป็นการลงโทษทางเลือกอีกวิธี ที่จะช่วยลดจำนวนคนในคุกไปได้อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งในอนาคต กรมคุมประพฤติมีแนวความคิดที่จะซื้อเครื่อง EM กำไลข้อเท้าติดตามตัวผู้กระทำผิดมาใช้ โดยคาดว่าจะสามารถใช้ได้จริงปลายปีนี้ ทั้งนี้เพื่อลดจำนวนคนในคุกตามนโยบายของภาครัฐ และเพื่อให้บุคคลที่กระทำผิดเหล่านี้ได้สำนึกการกระทำผิดของตนเอง ได้จากวิธีการลงโทษทางเลือกเฉกเช่นการเป็นจิตอาสา