เพลง Do you hear the people sing เวอร์ชั่นภาษาเกาหลี จากภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติฝรั่งเศส Les miserables ถูกสถานีโทรทัศน์ KBS นำมาใช้ประกอบสกู๊ปประวัติของมุนแจอิน หลังเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้เพลงนี้ถูกขับขานมาแล้วหลายครั้งบนท้องถนน โดยผู้ชุมนุมประท้วงขับไล่อดีตประธานาธิบดีปาร์คกึนเฮ และเมื่อมุนแจอิน ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในการชงเรื่องขับไล่ปาร์คกึนเฮได้รับเลือกตั้ง เพลงนี้จึงดังขึ้นอีกครั้ง เพื่อแสดงว่า ชัยชนะของมุนแจอิน ก็คือชัยชนะของประชาชนชาวเกาหลีใต้
สำหรับชาวเกาหลีใต้ สิ่งที่พวกเขาเรียกร้องผ่านการเลือกตั้ง คือ ระบอบการเมืองที่ใสสะอาด ปราศจากการคอร์รัปชั่นโดยกลุ่มชนชั้นนำในสังคม สืบเนื่องจากกรณีที่อดีตผู้นำและผู้บริหารธุรกิจยักษ์ใหญ่หลายเจ้าสมคบกันทุจริต ภาพของมุนแจอินที่ต่อต้านระบอบการเมืองเก่า และปฏิญาณตนว่าจะขจัดอิทธิพลของแชโบล จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนชาวเกาหลีใต้ต้องการ ไม่ต่างจากการเลือกตั้งฝรั่งเศสที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเพียงไม่กี่วัน แต่สำหรับชาวฝรั่งเศส ระบอบเก่าที่พวกเขาต่อต้าน ไม่ใช่ระบอบสมคบคิดทุจริตของการเมืองและภาคธุรกิจ หากแต่คือ สหภาพยุโรป
แม้เอ็มมานูเอล มาครง ผู้สมัครสายกลางจะชนะเลือกตั้ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคะแนนเสียงที่ มารีน เลอ เปน ผู้สมัครฝ่ายขวาได้รับ ทำให้ฝ่ายขวาปรากฎตัวตนขึ้นในสังคมฝรั่งเศสชัดเจนที่สุดในรอบหลายสิบปี เลอ เปน ผู้มีแนวคิดแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ได้รับคะแนนเสียงถึง 1 ใน 3 จากคะแนนเสียงทั้งหมด มากกว่าที่พรรค National Front ของเธอเคยได้รับมา จึงอาจกล่าวได้ว่า ขณะนี้ ชาวฝรั่งเศส 1 คนใน 3 คน ต้องการออกจากสหภาพยุโรป
เมื่อมองลึกลงไปจะพบว่า กลุ่มคนที่ต้องการออกจากสหภาพยุโรปมีแนวคิดว่า การรวมกลุ่มกันไม่ได้เป็นคุณต่อฝรั่งเศส และกล่าวหากลุ่มนักการเมืองที่นำผลประโยชน์ของประชาชนไปให้องค์กรต่างชาติ
ในการหาเสียงเลือกตั้งของทั้งสองประเทศ จึงมีการใช้คำว่า “พลังของประชาชน” มาปลุกใจให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกผู้สมัครที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ล้มล้างระบอบเก่า ปรากฎการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วในการทำประชามติเบร็กซิทของสหราชอาณาจักร และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โลกกำลังหมุนไปด้วยพลังของประชาชนอย่างแท้จริง