จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) ขับรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์สีดำ ทะเบียนป้ายแดง พุ่งไล่ชนรถเบนซ์ สีขาว ของ นายบี (นามสมมุติ) สามี ที่มี น.ส.ซี (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่ทำงานนั่งมาด้วยจนได้รับบาดเจ็บแขนหักเนื่องจากสงสัยว่าสามีจะนอกใจจนต้องแอบตามสัญญาณจีพีเอสท่ามกลางการจราจรที่หนาแน่น ส่งผลให้เฉี่ยวชนกับรถคันอื่นอีก 3 คัน
ความคืบหน้าวานนี้ น.ส.สุคนธ์ กาละสังข์ อายุ 27 ปี ซึ่งเป็น 1 ในผู้เสียหาย เดินทางเข้าให้ปากคำกับพ.ต.ท.บุญยิ่ง บัณฑิตไทย หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดย น.ส.สุคนธ์ ให้การในรายละเอียดว่า วันเกิดเหตุกำลังขับรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอแวนซ่า ทะเบียน กง 797 ชุมพร มาตามถนน แต่กลับถูกรถฟอร์จูนเนอร์พุ่งชนอย่างแรง จนคนในรถทั้ง 3 ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังเกิดเหตุหญิงคนขับฟอร์จูนเนอร์ลงจากรถแล้วบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างและยอมรับผิดด้วย
ขณะที่ นายอานนท์ วังวสุ เลขาธิการสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่า กรณีผู้ขับจงใจขับรถพุ่งชนหรือเจตนาทำให้เกิดอุบัติเหตุจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยในทุกกรณีไม่ว่าจะทำประกันภัยชั้น 1 จนถึงชั้น 3 ก็ตามส่วนคู่กรณีที่ได้รับความเสียหายจากการถูกชน หากมีการทำประกันภัยรถยนต์ ยังสามารถเรียกเคลมรับความคุ้มครองได้เป็นปกติตามเงื่อนไขที่ทำไว้ส่วนเจ้าของรถที่ถูกชนและไม่ได้ทำประกันภัยไว้จะต้องเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีเองเช่นเดียวกับบริษัทประกันภัยของคู่กรณีที่เสียหาย ก็มีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียจากฝ่ายผู้ก่อเหตุขับรถชนโดยเจตนาได้ด้วย
มีรายงานว่าเวลา 18.00 น. น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้ขับรถฟอร์จูนเนอร์ เข้าพบ ร.ต.อ. ประพันธ์ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยบรรดาเพื่อนที่มาด้วยกันต่างช่วยกันใช้เสื้อคลุมสีดำปิดบังใบหน้าเพื่อไม่ให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ โดยมีรายงานว่า น.ส.เอ ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุจากความประมาทของตัวเองจริง ๆ พร้อมยอมรับผิดแต่เพียงฝ่ายเดียวที่ขับมาด้วยความเร็วและไม่ทิ้งระยะห่างจากคันหน้าตามสมควรเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา "ขับขี่รถโดยประมาทโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจและมีทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย" ก่อนปล่อยตัวชั่วคราวและจะเร่งสอบปากคำบุคคลอื่นรวมทั้งรวบรวมหลักฐานตามขั้นตอนต่อไป