ตร.เมียนมาร์ไม่ยืนยันว่า “เปรี้ยว” ยังอยู่ท่าขี้เหล็กหรือไม่

วันนี้ (2 มิ.ย.60) หนึ่งในเจ้าหน้าที่ ที่ข้ามฝั่งไปเมียนมาร์ เมื่อวานนี้ เปิดเผยข้อมูลว่าสิ่งเดียวที่ได้รับคำตอบจากตำรวจเมียนมาร์ ในขณะที่ คือการยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาทั้ง3คน ยังกบดานอยู่ในท่าขี้เหล็ก หรือไม่ ขณะที่ประเด็นความเชื่อมโยงระหว่างผู้ต้องหากับเครือข่ายยาเสพติด ป.ป.ส.ส่งชุดทำงานลงพื้นที่ประสานงานกับตำรวจเมียนมาร์แล้ว

การสื่อสารที่คลาดเคลื่อนทำให้เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ไทย เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าสามารถจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้แล้ว แต่เมื่อไปตรวจสอบพบว่าไม่ใช่

หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ข้ามไปท่าขี้เหล็กเปิดเผยข้อมูลกับทีมข่าว ว่า เมื่อวานถึงเป็นการประชุมร่วมกันครั้งแรก อย่างเป็นทางการ ระหว่าง ตำรวจ สภ.แม่สาย ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจจากขอนแก่นที่ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคดี คณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย เมียนมาร์ หรือ ทีบีซี และ ตำรวจของเมียนมาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ หารือกันทางโทรศัพท์ และการส่งเอกสารเท่านั้น

โดยการประชุมกันเมื่อวาน หลักๆ ตำรวจเมียนมาร์ถามถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมให้เหตุผลว่าจะนำข้อมูลไปปะติดปะต่อเรื่องราวและขยายผลต่อ ตำรวจเมียนมาร์ระบุว่า เบื้องต้นมีข้อมูลบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

แค่สิ่งที่ได้รับคำตอบชัดเจนจากการพูดคุย คือตำรวจเมียนมาร์ยอมรับว่ายังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ยังกบดานอยู่มนท่าขี้เหล็กหรือไม่ แม้ว่าตามข้อตกลงร่วมกันของสองประเทศจะระบุว่า หากข้ามแดนด้วยหนังสือผ่านแดนชั่วคราว หรือ บอเดอร์พาส จากด่านแม่สายจะสามารถอยู่ได้เฉพาะในท่าขี้เหล็กเท่านั้น

ข้อมูลอีกชุดที่ได้รับ คือ หลังผู้ต้องหาหลบหนีออกจากร้านคาราโอเกะ โดยมีผู้ชายคนหนึ่งทำหน้าที่ในการช่วยเหลือ พาไปกบดานในพื้นที่รอยต่อระหว่างท่าขี้เหล็ก กับ เมืองโก ซึ่งอยู่ห่างจากร้านคาราโอเกะ 15-20 กิโลเมตร เป็นถิ่นอาศัยของภรรยาคนที่พาหลบหนี แต่แถบนั้นมีหมู่บ้านมากกว่า 80 หมู่บ้านจึงอาจต้องใช้เวลาตรวจสอบระยะหนึ่ง

ส่วนประเด็นที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.ระบุว่า เปรี้ยว มีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดในเชียงรายเชื่อมต่อไปยังท่าขี้เหล็ก แหล่งข่าวระบุว่า การประชุมเมื่อวานนี้ไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้เลย เนื่องจากต้องหาให้ตำรวจเมียนมาร์ติดตามตัวผู้ต้องหาเพื่อส่งตัวกลับไทยเท่านั้น  แต่ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ป.ป.ส.ส่วนกลางส่งชุดติดตามเครือข่ายยาเสพติดลงพื้นที่ประสานการทำงานกับตำรวจเมียนมาร์แล้ว

แม้คดีนี้จะเป็นคดีที่ทั้งไทยและเมียนมาร์จะต้องร่วมมมือกันติดตามตัวผู้ต้องหา เนื่องจากพื้นที่หลบหนีเป็นรอยต่อสองประเทศ และผู้ต้องหาข้ามไปอยู่ยังเมียนมาร์ นั่นทำให้ตำรวจไทยต้องเคารพการตัดสินใจและการทำหน้าที่ของตำรวจเมียนมาร์ รวมถึงเมียนมาร์เองก็เปิดเผยย้ำในที่ประชุมร่วมกันเมื่อวาน ว่า จะขอติดตามคดีเองก่อนเนื่องจากเป็นพื้นที่ของประเทศเมียนมาร์