วันนี้ ( 13 มิ.ย.60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กุฏิและสำนักงานของพระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง ปิดเงียบและไม่สามารถติดต่อกับพระธรรมรัตนมงคลในทุกช่องทางได้ หลังทีมข่าวพีพีทีวีลงพื้นที่ขอคำอธิบาย ต่อกระแสข่าวที่วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา ปรากฎชื่อเป็นวัดที่อาจจ่ายเงินทอน สูงกว่า 10 ล้านบาท ให้กับข้าราชการระดับสูงของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขอให้จัดสรรงบประมาณรายปีลงมาให้
นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยกับทีมข่าว PPTV ว่า วัดนี้ส่งเอกสารของบประมาณประจำปีก่อนปี 2558 ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติโดยตรง ไม่ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เบื้องต้นจึงยังไม่มีข้อมูล และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบได้ก็ต่อเมื่อมีคำสั่งแต่งตั้งจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้ร่วมเป็นคณะทำงาน
เมื่อสอบถามไปยังบุคคลใกล้ชิดและเคยร่วมทำงานกับพระธรรมรัตนมงคล ทีมข่าว PPTV ได้รับข้อมูลว่า ทุกคนยังพบเห็นเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงลงมาพบปะพูดคุยและปฏิบัติศาสนกิจตามปกติ แต่หลังจากมีกระแสข่าว 12 วัดจ่ายเงินทอนให้กับข้าราชการเพื่อของบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พระธรรมรัตนมงคลก็ยังไม่ปรากฎตัวต่อสาธารณะอีกเลย คาดว่า จะยังไม่พร้อมตอบคำถามกับสื่อมวลชน
ส่วนจังหวัดที่ปรากฎชื่อวัดทอนเงินให้กับข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมากที่สุด 5 วัดอย่างจังหวัดลำปาง ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดทุ่งต๋ำ หนึ่งในวัดที่มีชื่อของบประมาณมาสร้างโบถส์ พบว่า โบถส์ของวัดแห่งนี้ยังอยู่ในสภาพไม่เสร็จสมบูรณ์ พระครูวิจารณ์ พัฒณคุณ เจ้าอาวาสวัดทุ่งต๋ำ และเจ้าคณะตำบลเสริมงาม เปิดเผยว่า สาเหตุที่โบถส์แห่งนี้ยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง แม้จะดำเนินการมาปี 2549 แล้ว เป็นเพราะเงินที่นำมาใช้ก่อสร้างได้รับมาไม่ต่อเนื่อง โดยเงินทั้งหมดเจ้าอาวาสวัดทุ่งต๋ำอ้างว่า ได้มาจากการจัดผ้าป่ากฐิน และเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ส่วนเงินจากหน่วยงานราชการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง โอนมาให้เพียงหลักหมื่นเท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่วัดทุ่งต๋ำจะจ่ายเงินทอนให้กับข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตามข้อมูลที่กำลังมีการตรวจสอบ และคำชี้แจงลักษณะนี้เจ้าอาวาสวัดทุ่งต๋ำระบุว่า เป็นข้อมูลชุดเดียวกับที่เคยให้เจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เมื่อครั้งลงพื้นที่มาตรวจสอบแล้วครั้งหนึ่ง
สำหรับ 12 วัดที่เข้าข่ายถูกตรวจสอบจ่ายเงินทอนให้กับข้าราชการระดับสูงของสำนักงานพระพุทธศาสนาประกอบด้วย วัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดห้วยตาแกละ จังหวัดเพชรบุรี วัดราชบุรณะ จังหวัดชุมพร วัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดลำพูน และจังหวัดอำนาจเจริญมี 3 วัด คือ วัดโพธิ์ศรี วัดโคกเลาะ วัดพระศรีเจริญ และมากที่สุดคือ จังหวัดลำปางมี 5 วัด ประกอบด้วย วัดทุ่งต๋ำ วัดบ้านอ้อ วัดอุมลอง วัดหาดปู่ด้าย และวัดวัฒนาราม โดยรายชื่อทั้ง 12 วัด ถูกเปิดเผยหลังจากตำรวจ ปปป. เข้าค้นบ้านพักข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนา 2 คน ประกอบด้วย นางประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ข้าราชการระดับ 8 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ล่าสุดหลังประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบบัญชีการเงินของวัดในกลุ่มที่พบปัญหาก่อน ส่วนระยะยาวได้ทำงานเรื่องนี้จะผลักดันให้วัดขึ้นทะเบียบบัญชีทรัพย์ โดยรัฐบาลได้ทำงานเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยกับพีพีทีวีว่า ในทางคดีตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินคดีอาญากับข้าราชการและพระสงฆ์ที่อยู่ในข่ายเกี่ยวข้องกับการจ่ายและรับเงินในกลุ่ม 12 วัด ส่วนระยะยาวต้องผลักดันให้วัดทุกแห่งแสดงบัญชีทรัพย์อย่างโปร่ง
สอดคล้องกับคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาศนา คุณธรร และจริยธรรม สปท. ที่วันนี้เห็นชอบหลักเกณฑ์ให้มหาเถรสมาคมหรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กำหนดหลักเกณฑ์แนวปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีการบริหารทรัพย์สินและรูปแบบการจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัดกว่า 37,000 แห่งทั่วประเทศ โดยเสนอให้แก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้บังคับใช้ได้จริงและทันต่อยุคสมัย
