ล่าสุดสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกจับมือกันแถลงข่าว เตรียมปรึกษากับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อดูรายละเอียดของข้อกฎหมายที่จะไม่ให้วิศวกรจีนทำงานโดยตัดขาดกับสภาวิชาชีพในไทย ซึ่งถือเป็นการรวมตัวแถลงข่าวครั้งแรกของสภาวิศวกรและสภาสถาปนิก หลังหัวหน้าคสช.ออกคำสั่งเร่งรัดโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ส่งผลให้วิศวกรสัญชาติจีนที่จะเข้ามาก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ช่วงหนึ่งของการแถลงข่าวตัวแทนสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกมองตรงกันว่า หากเป็นเช่นนี้จะทำให้วิศวกรสัญชาติจีนที่เข้ามาทำงาน อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของสภาวิศกรไทย จึงเตรียมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อดูความเป็นไปได้ของกฎหมายว่า มีช่องทางให้สภาวิศวกรเข้ามากำกับทำงานร่วมกับวิศวกรจีนตามหลักเกณฑ์ของวิชาชีพหรือไม่ โดยการขั้นตอนที่ต้องผ่านการทดสอบความรู้ความชำนาญเพื่อขอใบรับรองการทำงานในมาตรฐานเดียวกับวิศวกรไทย
ส่วนข้อกังวลของกลุ่มวิศวกรไทยที่ระบุว่าคำสั่งของคสช.นี้อาจทำให้อนาคตมีวิศวกรจีนเข้ามาทำงานโครงการอื่นๆในไทยโดยไม่ต้องมีใบอนุญาตได้ ล่าสุดได้รับการยืนยันชัดเจนว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากในคำสั่งของหัวหน้าคสช. ระบุชัดเจนว่า เป็นข้อยกเว้นเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูง
สำหรับคำสั่งหัวหน้าคสช. เรื่อง “การใช้มาตรการเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ – นครราชสีมา เป็นการยกเว้นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างทุกฉบับและให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ทำสัญญาจ้างแบบรัฐ ต่อ รัฐ หรือ G to G กับรัฐวิสาหกิจจีน โดยอ้างเหตุผล เพื่อลดระยะเวลาดำเนินการ ส่วนเหตุผลที่รัฐบาลเลือกทำสัญญาจ้างกับจีนในรูปแบบนี้ ยังไม่มีการชี้แจงว่าเป็นเพราะเหตุใด