นี่เป็นข้อมูลที่ทีมข่าวพีพีทีวีได้รับจากแหล่งข่าวในกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. พบว่าวัดในกทม. 2 แห่งที่ได้รับเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และต้องจ่ายเงินทอนคืนให้กับข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คือ วัดบำเพ็ญเหนือย่านมีนบุรี และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร ย่านบางกอกใหญ่ โดยวัดบำเพ็ญเหนือ ได้รับเงินอุดหนุนส่วนนี้ 11 ล้านบาท และเจ้าอาวาสจะทอนเงินคืนด้วยการโอนเงินกลับถึง 10 ล้านบาท 4 แสน 5 หมื่นบาท
ส่วนวัดราชสิทธารามราชวรวิหารได้รับเงินอุดหนุน 7 ล้านบาท และทอนเงินคืน 6 ล้านบาท โดยผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินวัดกลุ่มใหม่นี้ เป็นข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คนละชุดกับที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้ ที่สำคัญบางคนยังมีตำแหน่งอยู่ในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติปัจจุบัน
สำหรับวัด 2 แห่งในกทม.ที่ปรากฎข้อมูลทอนเงินคืนให้กับข้าราชการพศ. อยู่ในกลุ่ม 22 วัด ที่ปปป.กำลังขยายผล แบ่งเป็น ภาคกลาง 5 วัด ภาคอีสาน 4 วัด ภาคเหนือ 8 วัด และ ภาคใต้ 5 วัด ในจำนวนนี้มีวัดชื่อดังของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีก 1 แห่งรวมอยู่ด้วย
ทีมข่าวนำข้อมูลที่ได้รับนี้ไปสอบถามเพิ่มเติมกับ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. กล่าวว่า ตอนนี้ปปป.อยู่ระหว่างขยายผลไปยังวัดอีก 22 แห่งจริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ทั้งหมด โดยเฉพาะวัดที่ยังไม่เข้าตรวจสอบ เพราะเกรงว่า ผู้เกี่ยวข้องจะไหวตัวทัน โดยภาพรวมการทุจริตในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติลักษณะนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ เพราะเข้าข่ายว่า ทำต่อเนื่องกันมาเป็นวัฒนธรรมนานนับ 10 ปี
สำหรับการตรวจสอบทั้ง 22 วัด ผบก.ปปป. คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน ขณะที่การเอาผิดข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่ปรากฎชื่อรับเงินทอนก่อนหน้านี้ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายากรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จะพักงานข้าราชการกลุ่มนี้หรือไม่ อยู่ในอำนาจของผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่กระบวนการจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงก่อน
ส่วนนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาและเกษียณอายุราชการแล้ว ก็จะไม่สามารถดำเนินการทางวินัยได้ แต่จำเป็นต้องรับผิดทางอาญา