สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือ G7 โดยทุกปีจะมีชาวญี่ปุ่นฆ่าตัวตายอย่างน้อย 2 หมื่นคน สถิติการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นเคยพุ่งสูงสุดเมื่อปี 2003 คือ 34,427 คน ก่อนตัวเลขจะลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมา มีชาวญี่ปุ่นฆ่าตัวตายทั้งหมด 21,897 คน
อย่างไรก็ตาม จำนวนคนฆ่าตัวตายมากกว่า 2 หมื่นคนยังคงเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง รัฐบาลต้องการลดอัตราการฆ่าตัวตายลงอีก จากปัจจุบันอยู่ที่ 18.5 คนต่อประชากร 1 แสนคน ให้ต่ำกว่า 13 คน ภายในปี 2025 โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นวันนี้ (25 ก.ค.) ได้อนุมัติแผนงานฉบับปรับปรุงใหม่ในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยรัฐบาลจะมุ่งผลักดันมาตรการป้องกันการฆ่าตัวตายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานมากขึ้น เช่น การลดชั่วโมงการทำงาน การป้องกันการคุกคามจากนายจ้างหรือหัวหน้า
สำหรับแผนงานนี้ประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2007 และมีการปรับปรุงทุกๆ 5 ปี โดยครั้งนี้เป็นการปรับปรุงครั้งที่สาม รัฐบาลญี่ปุ่นได้พยายามที่จะแก้ปัญหาการเสียชีวิตจากการทำงานมากเกินไป หรือที่เรียกกันว่า “คาโรชิ” หลังจากเหตุพนักงานบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากทำงานล่วงเวลามากกว่า 100 ชั่วโมงต่อเดือน เมื่อปี 2015 โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานของญี่ปุ่นได้เผยแพร่รายชื่อบริษัททั่วประเทศกว่า 300 บริษัท ที่ให้พนักงานทำงานล่วงเวลาเกินที่กฎหมายกำหนด หรือทำผิดข้อบังคับอื่นๆ เป็นครั้งแรก