ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. จะใช้สิทธิ์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ยกฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯปี 2551
นายองอาจ เห็นว่า การที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ตามมาตรา 195 เปิดโอกาสให้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วัน ซึ่งทาง ป.ป.ช. ควรใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญอุทธรณ์เพื่อให้มีคำพิพากษาที่ถึงที่สุด เพราะเชื่อว่าจะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับในคำพิพากษาตามกระบวนการยุติธรรม การที่เสนอให้ ป.ป.ช. ใช้สิทธิ์อุทธรณ์คิดว่าน่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะเพื่อรักษาสิทธิ์ที่พึงมีตามรัฐธรรมนูญ / เพื่อให้ทุกภาคส่วนในสังคมหมดสิ้นข้อสงสัย เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะฝ่ายผู้ชุมนุมที่ถูกกระทำจนได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต ที่สำคัญคือต้องการให้เกิดความกระจ่างชัด ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยต่อการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.
ขณะที่ นายองอาจ กล่าวอีกว่า การยื่นอุทธรณ์ของ ป.ป.ช.จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างมาก เพราะเมื่อมีคำพิพากษาที่ถึงที่สุดออกมาจะทำให้เกิดข้อยุติ และเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนในสังคม และยังทำให้เห็นว่า ป.ป.ช. ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ ช่วยทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี ซึ่งหากถ้าไม่ยื่นอุทธรณ์เชื่อว่าผู้คนในสังคมจะเกิดคำถาม และเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในการทำหน้าที่ของป.ป.ช. นั่นย่อมไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน