สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหตุประท้วงรุนแรงของกลุ่มชาตินิยมผิวขาวในเมืองชาร์ลอตต์สวิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย ลุกลามขยายวงกว้างไปถึงทำเนียบขาว หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ โดยเลี่ยงที่จะกล่าวโทษกลุ่มผู้ประท้วงชาตินิยมผิวขาว จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และทำให้บรรดานักธุรกิจและซีอีโอบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศ พากันประท้วงด้วยการลาออกจากตำแหน่ง “สภาผู้ผลิตอเมริกัน” ซึ่งเป็นคณะทำงานด้านเศรษฐกิจในทำเนียบขาว ที่ทรัมป์แต่งตั้งขึ้น
ล่าสุด ทรัมป์ก็ดูเหมือนจะไม่ง้อ ออกมาประกาศผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า จะยุบคณะทำงานดังกล่าว รวมถึง “สภานโยบายและยุทธศาสตร์” ซึ่งเป็นทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ทิ้งไปเสียเลย จะได้ไม่ต้องไปกดดันนักธุรกิจที่เหลือ
ขณะที่เมื่อวานนี้ อดีตประธานาธิบดีคู่พ่อลูกจากพรรครีพับลิกันอย่าง จอร์จ เอช. ดับเบิลยู บุช และ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็ออกมาเรียกร้องให้ชาวเมริกันต่อต้านการเหยียดผิว และความเกลียดชังในรูปแบบต่างๆ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการแสดงท่าทีต่อต้านคำพูดและการจัดการปัญหานี้ของของทรัมป์
ท่ามกลางกระแสต่อต้านทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา กลับออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างน่าชื่นชม โดยหยิบยกคำพูดของ “เนลสัน แมนเดลา” ที่ระบุว่า “ไม่มีใครเกิดมาแล้วเกลียดคนอื่น เพราะสีผิว ภูมิหลัง หรือศาสนา ได้ทันที..คนเราต้องเรียนรู้ที่จะเกลียด แต่หากเรียนรู้ที่จะเกลียดได้ ก็ถูกสอนให้รักได้เช่นกัน เพราะความรักเกิดขึ้นในหัวใจมนุษย์ได้ตามธรรมชาติมากกว่าความเกลียดชัง” ซึ่งข้อความนี้สร้างสถิติมีคนกด “ไลค์” มากที่สุดเป็นประวัติการณ์