ที่ผ่านมาปริมาณข้าวได้ส่งผลต่อการตลาดระหว่างประเทศทำให้ข้าวที่มีคุณภาพดีส่งออกในราคาที่ถูกกว่าเพื่อนบ้าน เนื่องจากปริมาณข้าวภายในประเทศมีการผลิตที่สูงกว่าปริมาณการบริโภคในประเทศ หากนำโครงการรับประกันราคาข้าวหรือโครงการการกันรายเกษตรกรเข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งจะส่งผลในด้านของราคาส่วนต่างทำให้ชาวนายังคงขาดทุนอยู่
โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ได้เปิดตัวโครงการรับจำนำข้าว ในวันที่ 7 ต.ค.พ.ศ.2554 เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรให้ดีขึ้น ในฐานะกระดูกสันหลังของชาติ หลังจากเปิดตัวโครงการได้เพียง 2 วัน ก็ได้รับหนังสือร้องเรียนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องข้อเสนอการแก้ปัญหา ทุจริตและยุติโครงการจำนำข้าว
หลังจากนั้นโครงการจำนำข้าวก็โดนถล่มทั้งในส่วนของภาคเอกชน จนนำไปสู่กระบวนการฟ้องร้องคดีต่างๆ จนโครงการจำนำข้าวได้ปิดตัวลงพร้อมกับการยึดอำนาจบทบาทการเป็นผู้นำของนางสาวยิ่งลักษณ์ เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและยุติธรรม
โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธาน คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เดินทางไปศาลตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2555 – วันที่ 1 ส.ค.2560 เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่คดีนี้ถูกดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและใกล้ถึงจุดสิ้นสุด ในวันที่ 25 ส.ค. 2560 เป็นการประกาศคำพิพากษาจากศาล
ก่อนไปฟังคำพิพากษามาย้อนดูการพิพากษาและการดำเนินงานของแต่ละคดีที่ผ่านมา เริ่มจาก
-เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2555 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปล่อยให้ทุจริตที่ปล่อยให้ระบายข้าวแบบจีทูจี
-วันที่ 7 มกราคม 2557 ป.ป.ช ชี้มูลความผิด “บุญนายบุญทรง เตริยาภิรมย์”กับพรรคพวกรวม 28 คน และรับ ไตร่สวน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานปล่อยปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในการรับจำนำข้าว
-วันที่ 17 กรกฎาคม 2557 ป.ป.ช มีมติชี้มูลความผิด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานไม่ระงับยับยังและปล่อยให้มีการทุจริตการจำนำข้าว
-วันที่ 5 สิงหาคม 2557 ป.ป.ช ส่งสำนวนคดีให้อัยการ
-วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 อัยการสูงสุดใช้เวลาทั้งหมด 7 เดือน สรุปสำนวนสั่งฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรด้วยจำนวนเอกสาร 20 ลัง กว่า 60,000 แผ่น ยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สำนวน ป.ป.ช กว่า 4,000 หน้า เป็นการสรุปความเห็นคดีนางสาวยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธาน คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เจ้าพนักงานฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ด้วยมิชอบตามประมูลกฎหมายอาญามาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าหรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้ง ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว
-วันที่ 15 มกราคม 2559 ไตร่สวนพยานโจทย์ปากแรก เริ่มจากสื่อมวลชลรวมถึง ดร.นิพนธ์ พัวพงศร อดีตประธาน สถาบันการวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ รวบรวมเนื้อหาโครงการรับจำนำข้าวเพื่อเป็นการเปิดประเด็น ในการสืบโจทก์พยานปากอื่นๆ เช่น สุภา ปิยะจิติ (กรรมการป.ป.ช.) วิชา มหาคุณ (อดีตคณะกรรมการป.ป.ช.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์) พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี (อดีต ส.ว. สรรหา) ประจักษ์ บุญยัง(รองผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน) จิรชัย มูลทองโร่ย (ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) ทำให้การไตร่สวนพยานสิ้นสุดในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2559
-วันที่ 5 เมษายน 2560 เริ่มไตร่สวนพยานจำเลยปากแรกคือนางสาวยิ่งลักษณ์ ได้ขึ้นเบิกความด้วยตัวเอง ได้ยืนยันว่าตนเองทำงานอย่างทรุจริตและขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแล้วไม่ได้เพิกเฉยทำให้การความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว และมีการไตร่สวนพยานปากอื่นๆเช่น วราเทพ รัตนากร (อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์) โอฬาร ไชนยประวัติ (อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย) กิตติรัตน์ ณ ระนอง (อดีตรองนายกรัฐมนตรี) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง(อดีตประธานการตรวจสอบทุจริตโครงการรับจำนำข้าว) ยุคล ลิ้มแหลมทอง (รมว.เกษตรและสหกรณ์)
-วันที่ 21 กรกฎาคม 2560 การไตร่สวนพยานปากสุดท้ายเสร็จสิ้น
-วันที่ 1 สิงหาคม 2560 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงการณ์ปิดคดีด้วยวาจา เป็นการกล่าวด้วยวาจาเป็นครั้งสุดท้าย
-วันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิพากษาคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และข้าราชการอีกจำนวนหนึ่งเป็นจำเลยก่อน เมื่อเสร็จจะอ่านคำพิพากษาคดี ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่รู้ว่า ทุจริต ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นลำดับถัดมา