รู้จัก !!  “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม


โดย PPTV Online

เผยแพร่




วันนี้หลายคนคงได้ยินชื่อ “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เดินทางมาเข้าฟังคำพิพากษาของศาลในวันนี้ซึ่งเป็นวันชี้ชะตาของคดีจำนำข้าว โดยมีรายงานว่าป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน  

ทีมข่าวนิวมีเดีย พีพีทีวี จะพาไปรู้จักกับ “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” หรือ โรคเมเนียร์ (Meniere's disease) พบค่อนข้างบ่อย เป็นโรคที่พบอันดับสองของสาเหตุอาการเวียนศีรษะ มักเป็นหูข้างใดข้างหนึ่งก่อน และมีประมาณ 15-20% ที่เป็นหูทั้งสองข้างส่วนสาเหตุของโรคนั้นส่วนใหญ่ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่กลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเป็น มาจาก กรรมพันธุ์มีโครงสร้างหูชั้นในผิดปกติแต่กำเนิด  โรคภูมิแพ้  การติดเชื้อไวรัส, หูชั้นกลางอักเสบ, หูน้ำหนวก, ซิฟิลิส มีประวัติเคยประสบอุบัติเหตุที่ศีรษะ และมีโรคทางกาย เช่น เบาหวาน, ไทรอยด์, ไขมันในเลือดสูง โรคนี้จะพบมากในวัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
 

ขณะที่อาการของโรค จะมีอาการเวียนศีรษะ อาการเกิดขึ้น ทันทีทันใดและคงอยู่นาน เกินกว่า 20 นาที จนไปถึงเวลานานหลายชั่วโมง อาจจะรุนแรงแต่ไม่ทำให้หมดสติ หรือเป็นอัมพาต นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก, คลื่นไส้, อาเจียน และมีการได้ยินลดลง ขณะมีอาการเวียน ศีรษะ ซึ่งระยะแรกอาจเป็นๆ หายๆ การได้ยินมักจะดีขึ้นเมื่ออาการเวียนศีรษะหายไป แต่ถ้าเป็นซ้ำ ๆ กันหลาย ๆ ครั้ง การได้ยินมักจะเสื่อมลงเรื่อย ๆ และไม่กลับคืนมา จนหูตึงได้ ส่วนอาการหูอื้อ เสียงดังในหู ซึ่งเกิดขึ้นในหูข้าง ที่ผิดปกติ อาจเป็นตลอดเวลา หรือเฉพาะเวลาเวียนศีรษะก็ได้ และจะมีอาการหนักๆ หน่วงๆ ในหู คล้าย มีแรงดันในหู และมีความถี่ในการเกิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน


สำหรับการปฏิบัติตัวขณะมีอาการควรหลีกเลี่ยงการขับรถ, การยืนที่สูง ควรจะพักผ่อนให้เพียงพอ การอดนอนมักกระตุ้นให้มีอาการ งดอาหารเค็ม พยายามลดความเครียด งดเหล้า, บุหรี่, ชา, กาแฟ ควรหลีกเลี่ยงเสียงดังมาก ๆ และการบริหารประสาทการทรงตัว จะทำให้สมองปรับตัวเร็วขึ้น ขณะที่แพทย์จะให้ยาตามอาการ ส่วนการฉีดยา Gentamicin เข้าหูชั้นกลาง เพื่อให้ซึมเข้าหูชั้นใน เพื่อควบคุมอาการ เวียนศีรษะ ใช้ในกรณีที่กินยาไม่ได้ และยังเวียนศีรษะอยู่ และสุดท้ายการผ่าตัด ใช้ในกรณีคนไข้มีอาการมาก และรักษาวิธีการใช้ยาข้างต้นไม่ได้ผล

โรคน้ำในหูไม่เท่ากันไม่จำเป็นต้องมีอาการเตือนก่อน โรคนี้เป็นแล้วไม่ถึงตาย ไม่พิการ

ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โรคน้ำในหูไม่เท่ากันไม่จำเป็นต้องมีอาการเตือนก่อนก็ได้ อาจเกิดค่อนข้างเร็วและเฉียบพลัน ซึ่งมีอาการบ้านหมุน หรือเกิดมีแผ่นดินไหวโคลงเคลง โรคนี้เป็นแล้วไม่ถึงตาย ไม่พิการ ส่วนการบริหารด้วยท่าเหวี่ยงตัวจะทำให้หายเร็วขึ้น ถ้าเป็นโรคนี้สามารถทำงานได้ เนื่องจากมีท่าพิเศษทำให้น้ำในหูเท่ากัน เมื่อมีอาการโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล หากมีอาการอาเจียนก็อาจฉีดยา ให้นอนพักและให้กลับบ้าน โดยโรคน้ำในหูไม่เท่ากันเป็นโรคที่เป็นแล้วไม่หาย ลักษณะของโรคเป็นโรคที่เกิดขึ้นเร็วและเฉียบพลัน เมื่อเป็นแล้วจะดูว่าโรคนั้นมีความรุนแรงหรือไม่ ขณะที่ความเครียดไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคนี้

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ