วันนี้( 30 ส.ค.60) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย เปิดเผยก่อนการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการกำหนดทิศทางการทำงานของแต่ละคณะให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เบื้องต้นได้กำหนดหลักเกณฑ์การนำเสนอแผนให้คณะกรรมการทุกด้าน ต้องนำเสนอ รูปแบบการทำงาน รายละเอียดองค์กรที่เกี่ยวข้อง และงบประมาณที่ใช้ในแต่ละโครงการ เพื่อให้มีความชัดเจน และตรวจสอบได้ โดยแผนการทำงานของทุกคณะจะต้องร่างเสร็จก่อนวันที่ 15 กันยายนนี้ ส่วนกรณีที่มีความกังวลเรื่องภาคเอกชนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในคณะกรรมการด้านต่างๆ มากเกินไปหรือไม่นั้น รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนถือว่าอยู่ในจำนวนที่เหมาะสม และเชื่อว่าภาคเอกชนจะเป็นอีกหนึ่งแนวความคิดที่จะช่วยพัฒนาให้เกิดการเดินหน้าได้มากขึ้น ส่วนกระแสข่าวที่ว่า การจัดการแผนของคณะกรรมการ 13 ด้าน มีรูปแบบตัวอย่าง หรือ พิมพ์เขียว ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง
นอกจากนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการดำเนินการหลังศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤมิชอบกลางพิพากษาให้ที่ดินอัลไพน์เป็นของธรณีสงฆ์ว่า ต้องให้ผู้เกี่ยวข้องอย่างกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กรมการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไปพิจารณาถึงอายุความ โดยยืนยันว่า ไม่เคยมีการร่างพระราชบัญญัติ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสงฆ์ และไม่จำเป็นต้องมี เพราะในอดีตคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. ได้แก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ในกรณีที่รัฐต้องการที่ดินของสงฆ์ ให้เจรจากับวัดโดยให้หาที่ดินที่มูลค่าเท่าเทียมมาแลกเปลี่ยนก่อนส่งเรื่องให้มหาเถรสมาคมพิจารณา หากอนุมัติให้สามารถออกเป็นพระราชกฤษฎีกาได้