วันนี้ (5 ก.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียหายที่ถูกหลอกหลวงให้ลงทุนซื้อคอร์สสัมมนากับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ซึ่งมาเปิดศูนย์สอบสวนผู้เสียหายจากคดีธุรกิจแชร์ลูกโซ่ดังกล่าว ที่ชั้น 1 อาคารอำนวยการ ศาลากลาง จ.เชียงใหม่ โดยจะเปิดเพื่อสอบปากคำผู้เสียหาย ตั้งแต่วันที่ 5 – 7 กันยายนนี้
ขณะที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ได้นำหลักฐานเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ เพื่อรวบรวมหลักฐานในคดีความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือ คดีแชร์ลูกโซ่ เบื้องต้นดีเอสไอคาดว่าจะมีผู้เสียหายเดินทางมาให้ปากคำไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย
นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองผู้อำนวยการคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดีเอสไอ กล่าวว่า มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนซื้อคอร์สสัมมนากับบริษัทดังกล่าวทั่วประเทศมากถึง 5 พันราย รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท โดยเฉพาะภาคเหนือทั้งตอนบน และตอนล่างมีจำนวนผู้เสียหายมากที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายร่วมกันสูงกว่า 2,000 ล้านบาท
สำหรับรูปแบบของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ของบริษัทดังกล่าว ได้ดำเนินธุรกิจโดยเปิดบริษัทสอนเทรดการลงทุน พร้อมชักชวนผู้เสียหายเข้ามาเพื่อสอนเรื่องการลงทุน จากนั้นได้ชักชวนให้ลงทุนซื้อแพ็คเกจคอร์สสัมมนา ตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสนบาท โดยจะได้รับผลตอบแทน ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ , 1 เดือน จนถึง 1 ปี แต่เงินที่ระดมทุนไปไม่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อลงทุนในธุรกิจจริง แต่ถูกนำไปหมุนเวียนเพื่อจ่ายผลตอบแทน จึงไม่สามารถต่อยอดเงินเพื่อจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้
ทั้งนี้รูปแบบของแชร์ลูกโซ่เริ่มขยายเครือข่ายไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งดีเอสไอยืนยันว่า นอกจากจะนำตัวคนผิดมารับโทษ ยังใช้มาตรการเชิงรุกดำเนินการยึดทรัพย์ โดยที่ผ่านมามีคดีที่ใช้มาตรการยึดทรัพย์ในปีที่ผ่านมากว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ขอฝากเตือนประชาชนอย่างหลงเชื่อผู้ที่มาชักชวนให้ไปลงทุนในธุรกิจ และควรศึกษารูปแบบการลงทุนให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มธุรกิจแชร์ลูกโซ่