สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เดวิด พาตอน นักวิชาการด้านนิเวศวิทยา ของมหาวิทยาลัยอดิเลดในออสเตรเลีย ระบุว่า การมีจำนวนประชากรจิงโจ้มากเกินไปจะสร้างอุปสรรคสำหรับพืชพรรณต่าง ๆ ที่จะขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ เนื่องจากถูกจิงโจ้กินจนเติบโตไม่ทัน ขณะเดียวกันประชากรจิงโจ้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วยังส่งผลกระทบต่อแหล่งอาหารของสัตว์ประเภทอื่น เช่น นก ด้วย จึงต้องการเรียกร้องให้ประชาชนชาวออสเตรเลียหันมาช่วยกันบริโภคเนื้อจิงโจ้ให้มากขึ้นเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์พาตอน กล่าวต่อว่า เนื้อจิงโจ้มีไขมันต่ำ แต่จำนวนใบอนุญาตประกอบกิจการเชือดจิงโจ้เพื่อการค้ายังมีน้อย เพราะราคาต่ำและคนไม่นิยมบริโภคเนื้อจิงโจ้มากนัก โดยเฉพาะชาวออสเตรเลียที่เห็นว่าจิงโจ้เป็นสัตว์ประจำชาติ ดังนั้นการกินเนื้อพวกมันจึงเป็นสิ่งที่ฝืนความรู้สึก
ขณะที่ข้อมูลจากรัฐบาลออสเตรเลียพบว่าเมื่อปี 2010 ประชากรจิงโจ้มีอยู่ประมาณ 27 ล้านตัว แต่จากการสำรวจเมื่อปีที่แล้วพบว่าจำนวนของพวกมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 45 ล้านตัว ซึ่งมากกว่าจำนวนประชากรมนุษย์ของออสเตรเลียเกือบ 2 เท่า
