เมื่อวันที่ (22 ก.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนสนิทใกล้ชิดนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผู้ต้องหาทุจริตเงินทอนวัด ที่พูดถึงคนนี้ คือ นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่วันนี้เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับ ปปป. หลังถูกตรวจค้นบ้านพักที่จังหวัดระนอง เมื่อวานนี้ ในฐานะคนปรากฎข้อมูลว่า เป็นผู้รับเงินทอนจากวัด 12 แห่ง ในภาคเหนือและภาคใต้ ตามข้อมูลของ ปปป.
วันนี้นายฉัตรชัย ไม่ต้องการให้สื่อมวลชนบันทึกภาพระหว่างพบกับพนักงานสอบสวนปปป. แต่ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชน แสดงจุดยืนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ตามตำแหน่งหน้าที่ ไม่มีอำนาจลงนาม หรือ เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาอนุมัติเงินในโครงการนี้ให้วัด และพร้อมยินดีให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน
นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ถูกปปป.แจ้งข้อหา เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์สินรัฐเป็นของตนเอง ตามมาตรา 147 และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 รวมถึงมาตรา 162 ฐานปลอมแปลงเอกสารทางราชการ อีกคนที่เข้าพบตำรวจ ปปป.วันนี้ คือ นายพยงค์ สีเหลือง อดีตนายช่างโยธาชำนาญงานกองพุทธศาสนสถาน คนนี้ตามข้อมูลของปปป.พบเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินและเกี่ยวข้องในขั้นตอนรับเงินทอนจากวัดช้าง จังหวัดนครนายก แต่วันนี้นายพยงค์เดินทางมา ปปป. แบบไม่ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชน
นอกจาก 2 คนนี้ ปปป. กล่าวว่า คนที่ปรากฎข้อมูลเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด ตามการขยายผลในรอบ 2 มีทั้งสิ้นรวม 19 คน เป็นข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 13 คน ประชาชน 2 คน และ พระสงฆ์ 4 รูป ในจำนวนนี้มี 5 คน ที่มีรายชื่อเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดตามผลตรวจสอบของ ปปป. รอบแรกด้วย ประกอบด้วย นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นางประนอม คงพิกุล รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสาส นักวิชาการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ นายศิวโรจน์ ปิยรัตน์เสรี คนนี้ไม่ใช่ข้าราชการ
พล.ต.ต.กลม เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผยว่า แม้นายฉัตรชัย และ นายพยงค์ 2 ข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาระหว่างเข้าพบในวันนี้ แต่การทำคดียืนยันว่า มีหลักฐานเพียงพอในการเอาผิด
ปปป.ยืนยันว่า จะเร่งสรุปสำนวนคดีวัด 23 แห่ง ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตรวจสอบ ภายในวันอังคารที่ 26 กันยายน นี้ ส่วนเส้นทางการเงินจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบ คาดใช้เวลาประมาณ 30 วัน