ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 2 วันสุดท้าย ที่พสกนิกรสามารถเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ทำให้วันนี้มีพสกนิกรจำนวนมากมารอต่อแถวอย่างไม่ย่อท้อ เพื่อได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ซักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยตลอดช่วงครึ่งเช้าที่ผ่านมา มีรายงานยอดผู้เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ โดยใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 10 ชั่วโมง จากทั้ง 2 จุดคัดกรอง คือ จุดคัดกรอง วงเวียน รด. ซึ่งขณะนี้หางแถวอยู่ที่บริเวณปากคลองตลาดและจุดคัดกรองหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ หางแถวอยู่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ขณะที่สำนักพระราชวังสรุปยอดผู้คนกราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ของวันที่ 3 ต.ค. 2560 อยู่ที่จำนวน 88,602 คน โดยก่อนถึงวันสุดท้ายที่เปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ และใกล้เข้าสู่ช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ กรมสุขภาพจิตหวั่นว่าประชาชนอาจเกิดผลกระทบทางด้านจิตใจจากความโศกเศร้า ซึ่งทางกรมสุขภาพจิตแนะนำให้ประชาชนช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันด้วยหลัก 3 ส. คือ 1.สอดส่องมองหา 2.ใส่ใจรับฟัง และ 3.ส่งต่อเชื่อมโยง ทางกรมฯได้จัดทีม MCATT เพื่อดูแลจิตใจของประชาชน ตลอดช่วงพระราชพิธี
นายสมชาย ขาวล้ำเลิศ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ประชาชนทราบดีว่าช่วงนั้นคือช่วงที่เศร้าโศกเสียใจของคนไทยทั้งประเทศ แต่หลายคนบอกว่า หลังจากนี้จะแปลงความโศกเศร้าเป็นพลังทำความดี ก้าวเดินตามรอยพระยุคลบาทให้สมดังพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9
สำหรับ ประชาชนที่มีความเครียดหรือภาวะซึมเศร้า สามารถขอรับบริการปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช หากมาร่วมพระราชพิธี ไม่ควรหยุดรับประทานยา และควรมีญาติมาด้วย เพื่อช่วยดูแลผู้ป่วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ยังคงเน้นย้ำเรื่องการเตรียมความพร้อมของร่างกาย เพราะอาจรอต่อแถวเป็นระยะเวลานานถึงข้ามวันได้ รวมถึงช่วงนี้มีฝนตกบ่อยครั้ง แนะนำให้ประชาชนพกร่มและเสื้อกันฝน หากใครมีโรคประจำตัวควรนำยาพกติดมาด้วย
