วันนี้ (5 ต.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตผู้ประกอบการอาบ อบ นวด บอกว่าเหตุผลหลักที่สถานบริการอาบอบนวด ลักลอบขุดเจาะน้ำบาดาล เพราะสถานอาบ อบ นวดแต่ละแห่งจะมีห้องบริการตั้งแต่ 100-150 ห้อง แต่ละห้องมี 1 อ่าง ใช้น้ำรอบละประมาณ 1,000 ลิตร เฉลี่ย 1 อ่างใช้น้ำ 3 รอบ ดังนั้นต่อวันจะใช้น้ำเกือบ 5 แสนลิตร หากเป็นน้ำประปาจะต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายแสนบาทต่อเดือน โดยวิธีการลักลอบขุดเจาะของแต่ละแห่ง จะเจาะท่อลงไปใต้ดินลึก 120 เมตร แล้วสูบมาพักไว้ในบ่อ 2 แห่งซ่อนในชั้นจอดรถ แล้วดึงน้ำขึ้นไปเก็บในถังชั้นดาดฟ้า ค่าจ้างการทำระบบน้ำบาดาลรอบหนึ่งไม่ถึง 1 ล้านบาท ทำให้อาบ อบนวด กว่าร้อยละ 80 ในกรุงเทพฯ เลือกใช้วิธีการนี้ทั้งนั้น
ก่อนหน้านี้การประปานครหลวงเคยตั้งข้อสังเกตกับสถานบริการอาบ อบ นวด เพราะพบว่าจ่ายค่าน้ำเดือนละไม่ถึง 1 หมื่นบาท จึงเข้าไปตรวจสอบมิเตอร์แต่ไม่พบพิรุธ นายชูวิทย์บอกว่า เพราะแต่ละแห่งใช้น้ำประปาแค่ในห้องครัวกับบาร์น้ำเท่านั้น
สำหรับเรื่องการเก็บค่าน้ำของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มีพ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ.2521 บังคับใช้เฉพาะพื้นที่ และการตรวจสอบครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นเพราะในปีหน้าจะจัดตั้งศูนย์พิทักษ์น้ำบาดาลอย่างเป็นทางการ ซึ่งถ้าพบการลักลอบใช้น้ำบาดาล จะมีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
สำหรับพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลมีค่าใช้น้ำบาดาลอยู่ที่ 13 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนจังหวัดอื่นคิดค่าใช้น้ำบาดาล 3.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตร โดยกรุงเทพฯ ยังมีปริมาณการใช้น้ำบาดาลอยู่ 3 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน และมีผู้ประกอบการขอขึ้นทะเบียนใช้น้ำบาดาลเกือบ 1,000 ราย