พระพ่นไฟ ยันไม่ได้อวดอุตริมนุษยธรรม ไม่ผิดวินัยสงฆ์


โดย PPTV Online

เผยแพร่




จากกรณีพระปลัดรัตนชัย อสิงสโก เจ้าอาวาสวัดป่ารัตนสุทธิกระทม พ่นลูกไฟกลางงานแห่กฐิน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ล่าสุด พระสงฆ์รูปดังกล่าว เผย เป็นการเป่าเพื่อศิริมงคล เอาฤกษ์เอาชัยเท่านั้น โดยปกติจะมีญาติโยมมาให้เป่าเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีออกจากตัวเป็นประจำ ยืนยันไม่ได้อวดอ้างที่ทำไปเป็นเพราะญาติโยมร้องขอ ไม่ถือว่าเป็นการทำผิดพระธรรมวินัยสงฆ์

วันนี้ (10 ต.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลแห่แชร์ภาพพระสงฆ์ ขณะกำลังพ่นลูกไฟ กลางงานแห่กฐิน สามัคคีภายในวัดซึ่งมีช้าง 4 เชือกและชาวบ้านในพื้นที่ร่วมงานแห่กฐินจำนวนมาก จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างถึงความไม่เหมาะสม โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ (10 ต.ค.60) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เดินทางไปยังวัดป่ารัตนสุทธิกระทม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พบกับพระปลัดรัตนชัย อสิงสโก เจ้าอาวาสวัดป่ารัตนสุทธิกระทม อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพระสงฆ์รูปที่ปรากฎในภาพ ที่ศาลาการเปรียญภายในวัด ก่อนจะทำการสาธิตการพ่นลูกไฟให้ผู้สื่อข่าวดู โดยการให้ลูกศิษย์นอนคว่ำหน้า จากนั้นใช้ผ้าขาวคลุม ก่อนจะจุดเทียน ร่ายมนต์คาถาหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ระหว่างรอให้น้ำตาเทียนหยดลงขัน เมื่อได้น้ำตาเทียนที่หยดลงในขันตามปริมาณที่ต้องการ จึงยกขันน้ำตาเทียนร้อนๆเข้าปากเพื่ออมน้ำตาเทียนไว้ โดยที่หลวงพ่อไม่มีทีท่าว่าจะร้อนหรือลวกปากแต่อย่างใด ก่อนจะพ่นน้ำตาเทียนผ่านเปลวไฟของเทียน จนไฟลุกโชนผ่านคนที่นอนคุลมผ้าอยู่ โดยผู้ที่เข้ามาให้หลวงพ่อเป่าไฟให้นั้น ต่างเชื่อกันว่าจะเป็นสิริมงคล ช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดี สิ่งชั่วร้ายและโรคภัยไข้เจ็บออกไปจากตัว

โดยพระปลัดรัตนชัย อหิงสโก เปิดเผยว่า การเป่าไฟในภาพที่มีการแชร์ออกไป เป็นการเป่าไฟ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ในงานทอดกฐินสามัคคี เพื่อเคลื่อนขบวนแห่ และเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งศิษยานุศิษย์ ที่เป็นเจ้าภาพงานต้องการให้หลวงพ่อเป่า ซึ่งก็จะเป็นคนที่มาให้หลวงพ่อเป่า ประพรมน้ำมนต์ เป่าไฟเพื่อปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีอยู่ในตัวออกไป อยู่เป็นประจำ ญาติโยมที่เจ็บป่วยก็หาย จึงเกิดศรัทธา มาร่วมงานกฐินกันทุกปี แต่ระยะนี้ตนก็ไม่ได้เป่าไฟหรือทำพิธีปัดเป่าให้ลูกศิษย์มาประมาณ 3 เดือนแล้ว อีกทั้งในช่วงนี้ เป็นช่วงเดือนตุลาคมเป็นเดือนที่จะมีพระราชพิธีสำคัญของชาวไทย จึงงด แต่วันงานกฐิน ศิษยานุศิษย์อยากให้เป่าเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยเท่านั้น แทนการจุดพลุจุดตะไลที่มีเสียงดังอึกทึกครึกโครม

นอกจากนี้ พระปลัดรัตนชัย ยังบอกอีกว่า “ตอนเด็กอาตมาเองเป็นศิษย์หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ท่านจะชอบไปกับกองไฟ ไปนั่งกับกองไฟ ท่านไปไหนก็มีไฟไปด้วย หลวงปู่สรวงก็เคยเสกมันให้ตนเองฉันท์ และมนุษย์ของเราก็ประกอบไปด้วย 4 ธาตุ คือธาตุดิน น้ำ ลม และไฟ พระสงฆ์หลายท่านก็มีการรดน้ำมนต์ คือการให้น้ำ ส่วนการคลุมผ้าเป่าไฟ ก็เป็นการให้ธาตุไฟแก่โยม เป็นความเชื่อ ไม่เป็นอันตราย หลังเป่าไปอาจจะช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดี เป็นการให้กำลังใจญาติโยม ก็หายป่วยหลายคน ญาติโยมจึงพากันมาให้หลวงพ่อเป่าให้อย่างต่อเนื่องมา 8-9 ปีแล้ว ซึ่งครั้งนี้หลวงพ่อก็ไม่อยากเป่าให้ญาติโยมมากมายหลายคน จึงขอเป่าแค่เป็นพิธีก่อนเคลื่อนขบวนแห่กฐิน แห่ช้างเท่านั้นเอง ถ้าจะจุดพลุเสียงดังเอิกเกริกก็คงไม่เหมาะสมในช่วงนี้ จึงเป่าเพื่อบูชาไฟ เพราะไฟเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่นมีการจุดตะไล บั้งไฟ เพื่อขอให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล หลังจากหลวงพ่อเป่าไฟ ญาติโยมก็เอาขี้เทียนที่หลวงพ่อเป่าในวันนั้นไปใส่เป็นน้ำมนต์เพื่อไปรดน้ำมนต์เป็นสิริมงคลกับลูกหลาน และที่เป่าจะใช้น้ำตาเทียนเป่า”

สำหรับพระธรรมวินัย ที่บอกว่าห้ามอวดอุตริมนุษยธรรม ตนเองก็ไม่ได้อวดอ้างอะไร เป่าเพื่อเป็นการอนุเคราะห์ สงเคราะห์ เพราะโยมขอร้อง ถือว่าข้อนี้ยังไม่ผิด ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดร้ายแรง แต่ถ้าในพระธรรมวินัย ศีลมี 227 ข้อ ข้อที่ห้ามคือปะราชิกสี่ ก็ไม่ได้อยู่ในขั้นนี้ที่ว่าหนัก เป็นการสงเคราะห์ อนุเคราะห์คือสิ่งที่ประเสริฐ คือสิ่งที่ดีเป็นการให้กำลังใจญาติโยม มีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป จึงถวายปัจจัยหลวงพ่อ หลวงพ่อก็เอาปัจจัยทั้งหมดไปสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่และโบสถ์วัดที่กำลังสร้าง และยังไม่เสร็จ รวมทั้งสร้างเมรุเพื่อสืบทอดและจรรโลงศาสนาต่อไป

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ