02.00 น. เกิดฝนตกหนักในกรุงเทพมหานคร จากผลพวงของพายุโซนร้อนขนุน ที่ปกคลุมบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ แถบทะเลจีนใต้ ทำให้จุดสำคัญในใจกลางเมืองได้รับผลกระทบมีน้ำท่วมขังอย่างหนัก มีปริมาณน้ำฝนมากกว่า 100 มิลิเมตร เพราะฝนตกหนักติดต่อกันนาน 6 ชั่วโมง
02.45 น. เริ่มมีน้ำท่วมขังตามถนนสายสำคัญต่างๆในกรุงเทพมหานครอย่างหนัก ปริมาณน้ำท่วมขังสะสมระบายไม่ทันจนได้รับผลกระทบต่อประชาชนที่ต้องสัญจรในช่วงเช้า
เวลา 6.00 น. มีน้ำท่วมหลายจุดในกรุงเทพมหานคร ถนนที่ได้รับผลกระทบจุดสำคัญ ได้แก่ ถ.วิภาวดี-รังสิต ถ.สุทธิสาร ซ.19 ถ.รัชดา-ลาดพร้าว ถ.ศรีนครินทร์ ถ.ดินแดง (โรงเรียนพิบูลย์อุปถัมภ์) ถ.อโศกมนตรี ถ.ประชาสงเคราะห์ ถ.พระราม 4 ถ.งามวงศ์วาน ถ.แจ้งวัฒนะ ถ.พระราม 9 ซึ่งน้ำท่วมครั้งนี้มีผลกระทบหลายจุด ใช้ระยะเวลานานสะสมนานกว่า 5 ชั่วโมง เพราะ เวลา 8 นาฬิกา ถนนวิภาวดี-รังสิต เลนคู่ขนานและช่องทางด่วน ยังมีปริมาณรถหนาแน่นทุกช่องทาง รถขนาดเล็กจอดเสีย ประชาชนตกค้างตามป้ายหยุดรถประจำทางจำนวนมาก จุดที่เห็นชัดที่สุดคือหน้าโรงเรียนหอวัง ยาวไปถึงแยกสุทธิสาร หากใครที่ใช้เส้นทางถนนรัชดา-ลาดพร้าว จุดนั้นแน่นอนว่าท่วมหนักรถเล็กไม่สามารถผ่านได้
จนมาถึงเวลา 8.30 น. สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานครเผยว่า มีน้ำท่วมอยู่ระหว่างการระบาย จากนั้นเวลา 9.00 น. นายจักรพันธ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมสำนักระบายน้ำกรุงเทพมหานคร เริ่มลงพื้นที่ตรวจสอบความเดือดร้อน และมีคำสั่งให้ใช้เครื่องสูบน้ำจากพื้นผิวการจราจร ลงคลองส่งน้ำวิภาวดีทั้งสองฝั่ง และจุดอื่นๆที่ได้รับผลกระทบ เพื่อที่จะส่งลงคลองบางซื่อ คลองแสนแสบ ออกแม่น้ำเจ้าพระยา แก้ปัญหาน้ำท่วมที่ระบายออกไม่ทันตามจุดต่างๆ
เวลาประมาณ 9.00 น.สถานการณ์น้ำท่วม ยังมีน้ำท่วมขังหลายเส้นทาง ทางกรุงเทพมหานคร เผยว่า มีปริมาณน้ำฝนตกหนักมากถึง 203 มิลลิเมตร ทำให้การระบายน้ำต้องใช้เวลาเพราะแผนเดิมตั้งเป้าไว้คือมีปริมาณน้ำฝน 60 มิลลิเมตร จนถึงเวลา 10.00 น. น้ำท่วมหลายจุดเริ่มแห้งลง แต่ในใจกลางเมืองเช่น ถ.สุขุมวิท อโศกมนตรี น้ำยังท่วมขังหนัก และสำนักการระบายน้ำรายงานพื้นที่น้ำท่วมว่ายังเหลืออีกประมาณ 20 จุด และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เรือโดยสารคลองแสนแสบ แจ้งการหยุดเดินเรืออย่างไม่มีกำหนด
