เมื่อวันที่ (16 ต.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายงานสถานภาพน้ำเขื่อนต่างๆ วันที่ 15 ตุลาคม 2560 พบสถานการณ์น้ำในลุ่มแม่น้ำภาคกลางยังคงน่าเป็นห่วง โดยที่ลุ่มแม่น้ำป่าสัก เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ผ่านมาทางแม่น้ำป่าสักหรือแม่น้ำลพบุรี ได้ทำการระบายน้ำออกมาอย่างต่อเนื่อง และได้ขึ้นธงเหลืองแจ้งสถานะเฝ้าระวังแล้ว
โดยมีปริมาณน้ำการระบาย 30.31 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมชลประทานมีการยืนยันจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยา เมื่อวานนี้ (15 ตุลาคม) ได้เริ่มระบายน้ำตามเพดานที่กรมชลประทานกำหนด ที่ 2,602 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะคงอัตรานี้ไว้อย่างต่อเนื่องตลอด 7 วัน แต่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ ซึ่งในขณะนี้ น้ำในพื้นที่นครสวรรค์อยู่ในระดับที่ทรงตัว อย่างไรก็ตามการระบายน้ำในระดับนี้จะทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อน ตั้งแต่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เรื่อยมาถึง จ.สิงห์บุรีและจ.อ่างทอง มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นราว 6-7 เซนติเมตร ส่วนพื้นที่ลุ่มนอกคันกั้นน้ำได้แก่บริเวณบ้านป้อม ต.บางหลวงโหลด อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา จะมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น 7-8 เซนติเมตร
เช่นเดียวกับ เขื่อนอุบลรัตน์ กำลังอยู่ในสถานะเฝ้าระวัง โดยมีระดับน้ำไหลเข้าเขื่อนมากกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยล่าสุด มีปริมาณน้ำในเขื่อนกว่า 2,800 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 115.71 ของความจุ ซึ่งเขื่อนไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้อีก เมื่อเทียบกับปี 2554 แล้ว พบว่าระดับความจุห่างกันเพียงแค่ 1 เซนติเมตร จึงต้องเพิ่มปริมาณการระบายออกอย่างเร็วที่สุด
ล่าสุด นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริการจัดการน้ำเป็นการด่วน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งหารือเกี่ยวกับการรับมือน้ำครั้งนี้ด้วย โดยที่ประชุมมิมติให้ระบายน้ำออกเป็นขั้นบันได จากเดิมระบายออกวันละ 37 ล้านลูกบาศก์เมตร ให้เพิ่มวันละ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร จนถึงจำนวน 54 ล้านลูกบาศก์เมตร ในวันที่ 17 ตุลาคม 2560
นอกจากนี้แล้ว กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่า ในช่วงวันที่ 15-19 ตุลาคม บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งในช่วงวันที่ 20-21 ตุลาคม ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนลดลง เว้นแต่ภาคใต้จะมีฝนตกต่อเนื่อง
ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑล ระวังน้ำท่วมขังและลมกระโชกแรง