วันนี้ (10 พ.ย.60) พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า จากการเลื่อนวันรับสลากฯ ทั้งระบบตัวแทนจำหน่าย และระบบซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ออกไปจากกำหนดเดิม 2 วัน เพื่อลดโอกาสการนำสลากไปขายต่อให้พ่อค้าคนกลาง โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบของสำนักงานสลากฯ พบว่า ราคาสลากที่จำหน่ายตามแผงต่างๆ ในวันที่ 1 พ.ย. 60 ราคาสลากใบเดี่ยวในพื้นที่ บางแค , พุทธมณฑล , ย่านสะพานควายถนนพหลโยธิน สลากใบเดี่ยวมีราคา 80 บาท ย่านสนามบินน้ำ และ ที่ตลาดบางใหญ่ นำสลากชุดมาจำหน่ายเดี่ยว ราคาใบละ 70 - 80 บาท หรือจำหน่ายเป็นชุด 3 ใบ 200 บาท และ ชุด 5 ใบ 350 บาท เฉลี่ยใบละ 66 - 70 บาท
โดยสาเหตุที่สำนักงานสลากฯ ออกมาให้ข้อมูลนี้ เพราะก่อนหน้านี้ทาง เครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลาก ออกมาระบุว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเครือข่ายฯได้ออกสำรวจตลาดการค้าสลาก 12 พื้นที่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง พบว่า สลากขายเกินราคาแพงที่สุดใบละ 130 บาท ขณะที่สลากรวมชุดมากที่สุด 15 ใบ ขายราคา 2,700 บาท หรือเฉลี่ยใบละ 180 บาท ส่วนสลากขายยกเล่มพบราคาขายอยู่ที่ 8,100 บาท
ทั้งนี้ ส่วนกรณีที่ระบุว่า สลากเกินราคาเกิดจากการที่ผู้ได้รับโควตาสลาก นำไปขายต่อให้พ่อค้าคนกลาง เพื่อรวมชุดและนำไปจำหน่ายต่อในราคาแพงนั้น พลตรีฉลองรัฐ พร้อมระบุว่า เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่มีการกำหนดบทลงโทษเกี่ยวกับพ่อค้าคนกลาง หรือผู้ที่มีพฤติกรรมที่ทำให้ราคาสลากบิดเบือนไปจากที่ควรจะเป็น สำนักงานสลากฯ จึงได้เสนอประเด็นการกำหนดบทลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ในร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงในปัจจุบัน
ขณะที่ส่วนข้อเสนอ ให้มีการหยุดขายสลากชั่วคราว แล้วจัดระเบียบใหม่ทั้งหมดนั้น พล.ต.ฉลองรัฐ ระบุว่า การค้าขายสลากเป็นธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูลทะเบียนตัวแทนจำหน่ายสลากฯ พบว่า ตัวแทนจำหน่ายของสำนักงานสลากฯส่วนใหญ่จะเป็น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผู้ด้อยโอกาสและผู้พิการ การหยุดขายสลาก จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวแทนจำหน่ายของสำนักงานฯและผู้ขายสลากที่ไม่มีโควตาหลายแสนคน การแก้ปัญหาสลากเกินราคาจึงมีความจำเป็นต้องคำนึงถึงทุกมิติ และดำเนินการด้วยรอบคอบ ทั้งนี้ หากพบการกระทำที่เป็นการทุจริต หรือ พบการขายสลากเกินราคา แจ้งที่ศูนย์รับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ 0-2345-1466 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
