วันนี้ (10 พ.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจโทวิฑูรย์ นิติวรางกูล นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันผลการตรวจดีเอ็นมวลกระดูกที่พบในจังหวัดเพชรบุรี ว่าผลการสกัดดีเอ็นเอจากมวลกระดูกพบว่าตรงกับนางจันทิรา ศรีศักดิ์ ผู้เป็นมารดา ทำให้ยืนยันได้ว่าศพที่พบเป็นนางสาวจริยา ศรีศักดิ์ บุตรสาวที่ถูกฆ่าฝังดินเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงได้เพราะผ่านมานาน
ขณะที่การตรวจร่องรอยการแตกหักหรือร้าวของกระดูกเพื่อตรวจสอบว่ามีการทำร้ายร่างกายหรือไม่ เบื้องต้นไม่พบรอยหักหรือร้าว ขณะที่นางจันทิรา ยอมรับผลตรวจทั้งน้ำตา แม้จะเชื่อมาตลอดว่าโครงกระดูกที่พบเป็นของบุตรสาว แต่ก็ยังยากที่จะทำใจ ด้านตำรวจเตรียมจัดชุดรักษาความปลอดภัยหลังมีการโทรข่มขู่พยานให้ล้มคดี (อ่านข่าว >> ตร.จ่อยื่นศาลถอนประกัน “โมนา” หลังพยานถูกโทรขู่) จากนั้นนางจันทิรา ก็ลงมารับกระดูกบุตรสาว เพื่อกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.เพชรบุรี โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยช่วงหนึ่งนางจันทิรา ร่ำไห้เคาะโลงศพและเรียกดวงวิญญาณลูกสาวกลับบ้าน
ส่วนการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยคดีนี้เพิ่มเติม 3 คน ทั้ง 3 คน คือผู้ที่อยู่ร่วมในการเคลื่อนย้าย ขุดหลุม และฝังร่างของสาวใช้วัย16 ปี ตั้งแต่ ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐาน ร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ ขณะที่ข้อมูลที่น่าสนใจ คือ หากจะดูเฉพาะ 3 คน ที่เป็นผู้ร่วมซ่อนเร้นอำพรางศพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 ระบุว่า การซ่อนเร้นอำพรางศพมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และมีอายุความ 5 ปี ซึ่งหากนับตั้งแต่วันลงมือก่อเหตุถึงวันนี้ อาจตีความได้ว่า คดีของผู้ร่วมซ่อนเร้นอำพรางศพ อาจหมดอายุความ
โดยจุดเริ่มต้นของคดีดังกล่าว แม่ของผู้เสียชีวิต ระบุว่า เมื่อปี 2554 มีคนรู้จักติดต่อให้น.ส.จริยา ไปทำงานบ้านให้กับน.ส.กฤษณา หรือโมนา ที่กรุงเทพฯ โดยหลังจากลูกสาวตกลงใจว่าจะรับทำงานนี้ ก็พาไปส่งที่บ้านแม่ของ น.ส.กฤษณา คนร้ายในคดีนี้ ซึ่งอยู่ในอำเภอเมืองเพชรบุรี โดยตกลงกันว่าจะพา น.ส.จริยา กลับมาทุก สัปดาห์จนเมื่อเวลา ผ่านไป 1 เดือน น.ส.จริยา ไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน จึงพยายามติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ของคนร้ายก่อนจะขาดการติดต่อไป โดยคนร้ายอ้างว่า น.ส.จริยา หนีออกจากบ้าน เมื่อกลางเดือนตุลาคมแม่ของผู้ตายได้รับข้อมูลจากพยานระบุว่า น.ส.จริยา ถูกน.ส.กฤษณาทำร้ายจนเสียชีวิต (อ่านข่าว >> ตำรวจเร่งขยายผลสอบปากคำ ผู้ต้องสงสัยร่วมฆ่าฝังดินสาวใช้วัย 16 ปี)
