วันนี้ (10 พ.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่าจากการตรวจสอบผ่านระบบตรวจคนเข้าเมืองตามด่านตรวจที่ถูกกฎหมายตามจุดต่างๆในประเทศ ยังไม่พบรายชื่อ ของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ อดีตรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล5 ผ่านจุดตรวจจุดใด หรือสนามบินใด ซึ่งหากยึดตามข้อมูลนี้หมายความว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ น่าจะยังอยู่ภายในประเทศ ขณะ พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ เพราะยังไม่มีหมายจับ เนื่องจากการแจ้งข้อกล่าวหาปลอมและใช้เอกสารปลอม ของสน.ปทุมวัน พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาก่อน
สำหรับ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ผู้ซึ่งเป็นคนพานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ถูก พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยมีพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และตามมาด้วยการเซ็นคำสั่งให้ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ มีสิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งได้ตามกฎหมาย ซึ่งระหว่างนี้จะต้องรอผลพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ว่า การกระทำของพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ จะเข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ และต้อง ลงโทษสถานใด
จากนั้น พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการ ประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางไปแจ้งข้อหาเพิ่ม การแจ้งข้อหาครั้งนี้ คสช. แจ้งในฐานะผู้กล่าวหาที่ 2 เอาผิด พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ เกี่ยวกับการขับรถติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม พานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาของศาลในคดีจำนำข้าว ทั้งๆ ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลยในคดีที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว แต่ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ไม่จับกุม จึงเข้าข่ายการละเว้น ตามมาตรา 157 เนื่องจาก คสช. มองว่าค่อนข้างมีความชัดเจนว่า เข้าข่ายผิดมาตรา 157 โดยยึดตามบันทึกการสอบสวนที่ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ให้การไว้ตั้งแต่ตอนต้น ส่วนกระบวนการของกองบัญชาการตำรวจนครบาลก่อนหน้านี้จะเป็นอย่างไรไม่ก้าวล่วงเพราะเป็นคนละส่วนกัน พร้อมยืนยันว่าตำรวจ กับ คสช. ไม่ให้มีปัญหากัน แต่เป็นเรื่องของมุมมมองทางกฎหมาย...
