วันนี้ (17 พ.ย.60) พันตำรวจโท พันธมิตร ยังประเสริฐ หัวหน้างานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ให้ข้อมูลว่าตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานอื่นๆ ประกอบด้วย ผลตรวจ คราบเลือดบริเวณบังโคลนล้อหลังด้านขวา ประตูหน้า-หลังขวา เพื่อนำไปตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอของผู้เสียหาย ร่องรอยการชนด้านหน้าเพื่อนำไปตรวจเปรียบเทียบกับร่องรอยประตูที่ถูกชน ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐาน ได้เก็บไปตรวจคาดว่า รู้ผลภายในสัปดาห์หน้า และประสานงานไปที่ ศูนย์รถยนต์ฮอนด้า เพื่อให้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ ระบบต่างๆในรถ ขณะนี้ยังคงรอการติดต่อกลับจากศูนย์ฮอนด้า ซึ่งถ้ารวบรวมหลักฐานเสร็จสิ้นและ ชี้ชัดความผิดในประเด็นอื่นก็จะเรียกนายแพทย์ยอร์นมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม สำหรับ5 ข้อหาที่ แจ้งไปแล้วนั้น ประกอบ ข้อหาเมาแล้วขับ ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน กรณีไม่ยินยอมวัดระดับแอลกอฮอล์ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส และพยายามฆ่า ซึ่งนายแพทย์ยอร์นปฏิเสธทั้งหมด และได้ประกันตัวแต่ตำรวจตั้งเงื่อนไขห้ามข่มขู่พยายน ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
ด้านนายชัยณรงค์ นาคไทย พี่ชายของนายสมชาย ยามดี พนักงานรักษาความปลอดภัย บอกว่า 5 ข้อหาที่แจ้งนายแพทย์ยอร์นนั้น เชื่อว่าตำรวจจะดำเนินการตามกฏหมายอย่างตรงไปตรงมา ส่วนค่าใช้จ่ายการดูแลรักษา จะพูดคุยและบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการช่วยเหลือ ทั้งค่ารักษาพยาบาล เงินเยียวยา และค่าใช้จ่าย อื่นๆ ตั้งแต่เกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งนายแพทย์ยอร์นรับปากว่าจะดูแลค่ารักษา และส่งเลขาส่วนตัว มาดูแลครอบครัว
กฎหมาย ชี้ ข้าราชการเมาในเวลางานโทษหนักสุด “ไล่ออก”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขตลอดช่วงเช้าทีมข่าวยังไม่พบทีมผู้บริหารโดยเฉพาะ นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รับหน้าที่เป็นกรรมการสอบวินัยนายแพทย์ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศน์ เขต 12 ที่ขับรถชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสาหัส และจากการสอบถามก็ไม่มีกำหนดการของทีมแพทย์ที่ดูคดีนี้เรียกประชุมกัน
ขณะข้อมูลจากร้านอาหารที่ระบุว่า หมอยอร์น ไปอยู่ที่ร้านอาหารและสั่งโซดาตั้งแต่ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน เมื่อเปิดพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 พบว่า หากนายแพทย์ยอร์น ดื่มสุรา ช่วงบ่ายโมงซึ่งยังอยู่ในเวลาราชการจริง นายแพทย์ ยอร์นจะผิด มาตรา82 ซึ่งแยกย่อยเป็นหลายข้อ อาทิ ต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม ต้องอุทิศเวลาของตนให้กับเวลาราชการ ซึ่งทั้งหมดเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง และผิดมาตรา 85 เป็นวินัยร้ายแรง โทษคือปลดออก และให้ออก โดยเฉพาะการละทิ้งราชการโดยไม่มีเหตุอันควร หรือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุจริต
นอกจากนี้ยังพบว่า มติ ครม. พ.ศ.2496 ระบุเรื่องแนวทางลงโทษข้าราชการที่เล่นพนันและเสพสุรา หากมีข้าราชการเมาสุราในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ หรือทำให้เสียราชการ ให้ปลดออกหรือไล่ออกได้ และการห้ามดื่มสุราขณะขับรถฝ่าฝืนให้ลงโทษสถานหนัก
