สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า จากการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่มีทั้งหมดแล้ว พบว่า สถานการณ์ในรัฐยะไข่ ทางตอนเหนือของเมียนมาร์ มีลักษณะของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวมุสลิมโรฮิงญา ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศ
นอกจากนี้ นายทิลเลอร์สันยังได้ประณามการกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนของกองทัพเมียนมาร์ต่อกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯจะพิจารณาใช้มาตรการคว่ำบาตรกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
แถลงการณ์ดังกล่าวของนายทิลเลอร์สัน ถือเป็นการเปลี่ยนท่าทีครั้งสำคัญ และเป็นท่าทีตอบโต้ที่รุนแรงที่สุดที่รัฐบาลสหรัฐฯ เคยมีต่อวิกฤตโรฮิงญา โดยเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก จะเสด็จเยือนเมียนมาร์และบังกลาเทศในสัปดาห์หน้า
สำหรับปฏิบัติการทางทหารของกองทัพเมียนมาร์ในรัฐยะไข่ เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดวิกฤตคลื่นผู้ลี้ภัยโรฮิงญาทะลักเข้าไปในบังกลาเทศกว่า 600,000 คน ผู้อพยพที่รอดชีวิตมาได้ให้การว่า สถานการณ์ในพื้นที่ มีทั้งการข่มขืนและสังหารผู้บริสุทธิ์ รวมถึงมีการเผาบ้านเรือนประชาชน ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเอ็น ต้องออกมาระบุว่า สถานการณ์ในรัฐยะไข่ไม่ต่างจากตัวอย่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในตำราเรียน
ขณะที่ฝั่งรัฐบาลเมียนมาร์ ก็ยืนกรานมาโดยตลอดว่า เป้าหมายของปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้ คือ กลุ่มกบฏชาวโรฮิงญา ไม่ใช่ประชาชนผู้บริสุทธิ์