สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวานนี้ คณะความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่มีสมาชิก 15 ประเทศ ได้จัดการประชุมเพื่อลงความเห็นเกี่ยวกับร่างมติสั่งเพิกถอนคำประกาศรับรองสถานะ “เยรูซาเลม” ของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐปรากฎว่า ชาติสมาชิกทั้ง 14 ประเทศ พร้อมใจกันยกมือสนับสนุนร่างมติดังกล่าว ไม่เว้นแม้แต่พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯอย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และญี่ปุ่น ทำให้นางนิกกี เฮลีย์ ทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ ต้องใช้สิทธิ์ในฐานะสมาชิกถาวรของ UNSC ระงับร่างมติดังกล่าวมีผล ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ที่สหรัฐฯ ใช้สิทธิ์ดังกล่าว
นางเฮลีย์ กล่าวว่า ร่างมติดังกล่าว ซึ่งเสนอโดยอียิปต์ ถือเป็นการดูหมิ่นสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันจะจำท่าทีของชาติสมาชิกในวันนี้ไว้ ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้แถลงแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งถือเป็นฉบับที่ 17 ภายใต้แนวคิดหลัก “America First” หรือ “อเมริกาต้องมาก่อน” โดยทรัมป์บอกว่า นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลชุดก่อนๆล้มเหลว ทำให้สหรัฐฯต้องกลับเข้าสู่ยุคแห่งการแข่งขันอีกครั้ง โดยมีจีนและรัสเซียเป็นประเทศมหาอำนาจที่เป็นคู่แข่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม สหรัฐจะพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสองประเทศนี้ไว้ โดยยกตัวอย่างกรณีล่าสุด ที่ซีไอเอช่วยให้เบาะแส จนทางการรัสเซียสามารถสกัดแผนก่อการร้ายได้
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังให้คำมั่นว่า สหรัฐฯจะรักษาสันติภาพด้วยแสนยานุภาพทางทหาร โดยจะสร้างกองทัพสหรัฐฯให้กลับมาเกรียงไกร ตามเจตนารมณ์ของพลเมืองอเมริกันที่ต้องการเห็นสหรัฐฯกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ตามสโลแกน “Make America Great Again”