“ต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่มีความสุข จะฆ่าตัวตายหลายรอบแต่ไม่มีใครรู้ ต้องเพิ่งยาจิตเวช และขาดยา 2 วันแล้ว”
ช่วงหัวค่ำวันเดียวกัน คิม จง-ฮยอน วัย 27 ปี สมาชิกวงบอยแบนด์เกาหลีชื่อดัง ชายนี่ (SHINee) ถูกพบในสภาพหมดสติ ภายในห้องพักในเขตชองดัมของกรุงโซล ซึ่งแพทย์ได้พยายามยื้อชีวิต แต่ก็ไม่สามารถช่วยเอาไว้ได้ หลังจากนั้นพี่สาวของ จง-ฮยอน เปิดเผยข้อความที่เขาส่งให้ก่อนก่อเหตุโดยมีใจความ “จนถึงตอนนี้มันยากมาก ได้โปรดปลดปล่อยผมไป ผมทรมาน”
และในวันนี้(19 ธ.ค.) ทางครอบครัวของเขาได้เปิดเผยจดหมายฉบับสุดท้ายซึ่งมีใจความสำคัญตอนหนึ่งบอกถึงอาการโรคซึมเศร้าอย่างชัดเจน คือ "ข้างในตัวผมแตกสลาย ความเศร้าค่อยๆ กลืนกินผมช้าๆ จนมันครอบงำผมทั้งหมด และผมก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้ ผมเกลียดตัวเอง มันไม่มีคำตอบในความทรงจำของผมไม่ว่าผมจะร้องไห้หรือกรีดร้องมากเท่าไร ผมอยากจะหยุดหายใจแทนที่จะหายใจด้วยความเจ็บปวด”
แต่หากย้อนดูช่วงหลายปีที่ผ่านมาภัยเงียบจากโรคนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะในอดีตคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงที่ดูภายนอกเหมือนชีวิตมีพร้อมทุกๆอย่างเผชิญกับโรคนี้และสุดท้ายเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองก่อนไว้อันควร เช่น
เชสเตอร์ เบนนิงตัน (Chester Bennington) นักร้องนำวงร็อกเฮฟวีเมทัลชื่อดัง Linkin Park ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอตัวเอง เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา ขณะอายุ 41 ปี
ปี 2558 ศิลปินขวัญใจชาวร็อคอย่าง สิงห์ ประชาธิป มุสิกพงศ์ หรือ สิงห์ สควีซ แอนนิมอล ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ด้วยการกระโดดตึกดิ่งลงจากชั้น 9 คอนโดของตนเองใจกลางทองหล่อ
ปี 2551 โรบิน วิลเลียมส์ ดาราดังฮอลลีวู้ด จบชีวิตลงแบบกะทันหันด้วยการฆ่าตัวตาย โดยใช้เข็มขัดรัดคอจนขาดอากาศหายใจในวัย 63 ปี และในปีเดียวกัน ฮีธ เลดเจอร์ ผู้รับบทเป็นโจ๊กเกอร์ ในหนังภาคต่อแบทแมนเรื่อง The Dark Knight เสียชีวิตด้วยการใช้ยาเกินขนาด และจากไปด้วยวัย 28 ปี
อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่ใช่เพียงคนดังเท่านั้นแต่กลายเป็นภัยที่อยู่ข้างๆ ตัวเราเอง โดยข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2557 คนไทยฆ่าตัวตายเพราะโรคซึมเศร้า ประมาณปีละ 4,000 คน เฉลี่ยเดือนละ 300 กว่าคน ถือเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากอันดับ 1 คือประเทศญี่ปุ่น และอันดับ 2 คือสวีเดน ส่วนข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก พบว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยด้วยโรคซึมเศร้ากว่า 300 ล้านคน หรือประมาณ 4% ของจำนวนประชากรทั้งโลก 7,500 ล้านคน โดยคนไทย 1.5 ล้านคน
นายแพทย์อภิชาติ จริยวิลาศ จิตแพทย์และโฆษกกรมสุขภาพจิต แนะนำว่าหากสงสัยว่าตัวเองมีความเสี่ยงสิ่งแรกที่ต้องทำคือการตั้งสติและสำรวจตัวเอง ซึ่งมีหลักในการสังเกต 9 อาการ คือ 1.ซึมเศร้า ท้อแท้ เบื่อไม่อยากทำอะไร 2.ขาดความสนใจสิ่งรอบข้าง 3.ไม่มีสมาธิ 4.อ่อนเพลีย 5.เชื่องช้า 6.กินอาหารมากขึ้นหรือน้อยลง 7.นอนมากขึ้นหรือน้อยลง 8.ตำหนิตัวเอง และ 9.พยายามฆ่าตัวตายถ้ามีอาการ อย่างน้อย 5 อาการ ติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ ให้สงสัยว่าอาจเป็นโรคซึมเศร้าและรีบไปพบแพทย์ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ภายใน 6-9 เดือน
หากสงสัยว่ากำลังซึมเศร้าหรือเครียด เบื้องต้นสามารถโทรไปที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขอบคุณภาพจาก : AFP