วันนี้ (19 ธ.ค.60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กของสถาบันติวเตอร์แห่งหนึ่งย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่ถูกกล่าวหาว่า เก็บค่าเรียนแพงและใช้วิธีการทำโทษเด็กรุนแรงด้วยการใช้ไม้ตี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ปิดดำเนินการและกำลังติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังถูกตรวจสอบพบว่าสถาบันติวเตอร์แห่งนี้ ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงศึกษาธิการ จึงมีความผิดฐานหลีกเลี่ยงให้ตรวจสอบหลักสูตรและมาตรฐานการสอน เข้าข่ายเป็นสถาบันติวเตอร์เถื่อนผิดกฎหมาย
โดยเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ระบุว่า ผู้ปกครองขอความเป็นธรรม อ้างว่า ครูติวเตอร์ใช้ไม้บรรทัดตีลูกของตัวเองระหว่างติวสอบเข้า ป.1 จนแขนช้ำ สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ เพราะถือว่าทำผิดระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการปี 2548 ที่ระบุว่า ห้ามลงโทษนักเรียนด้วยวิธีการที่รุนแรงต่อร่างกายและจิตใจ
ทั้งนี้ส่วนที่สถาบันติวเตอร์แห่งนี้ถูกร้องเรียนว่าเก็บค่าเรียน 300 ชั่วโมง 160,000 บาท ตกราคาชั่วโมงละ 533 บาท เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ระบุว่า อาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน มาตรา 33 ที่ห้ามเก็บค่าเรียนเพื่อแสวงหากำไรเกินควร แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกสอบติด ป.1 ด้วย
นอกจากนี้ค่านิยมให้เด็กอนุบาลเรียนติวเตอร์เพื่อสอบแข่งขันเข้าเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนชื่อดัง ด้านรองศาสตราจารย์ นายแพทย์ สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวว่า เป็นวิธีคิดที่ทำลายคุณภาพชีวิตเด็กเรื่องการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์และความสามารถที่แท้จริงของเด็ก วิธีการนี้มุ่งไปที่ข้อสอบเพื่อสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังเพียงอย่างเดียว และเพื่อตอบโจทย์ผู้ใหญ่ที่ทำธุรกิจการศึกษา ไม่ได้คิดถึงพัฒนาการของเด็กตามวัยเป็นตัวตั้ง
รองศาสตราจารย์นายแพทย์สุริยเดว กล่าวต่อว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการเด็กเล็กอยู่ระหว่างเสนอให้รัฐบาลยกเลิกระบบสอบแข่งขันเข้าโรงเรียนชื่อดัง โรงเรียนสาธิตต่างๆ และ เตรียมเสนอให้ยกเลิกการตัดเกรดชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 3 เพราะมองว่าเด็กวัยนี้ ควรได้ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในอนาคต และควรหันไปแก้ที่โรงเรียนให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน โดยกระทรวงศึกษาธิการ จำเป็นต้องปรับปรุงโรงเรียนของรัฐโดยรวมให้มีมาตรฐาน เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ปกครอง เพราะปัจจุบัน โรงเรียนที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับ กระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่แห่ง